นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อาร์เอส (RS) เปิดเผยว่า บริษัทฯปรับโครงสร้างธุรกิจภาพยนตร์ใหม่ ซึ่งจะส่งผลให้การทำธุรกิจของอาร์เอสเป็นไปในทิศทางที่วางไว้ คือสามารถบริหารต้นทุนการผลิตให้สอดคล้องกับการเติบโตของรายได้ และคาดว่าเมื่อจบปี 52 ธุรกิจภาพยนตร์จะทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท คิดเป็น 8% ของรายได้รวม c]tคิดเป็นอัตราเติบโต 57% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ในปีนี้บริษัทฯ เตรียมจะนำภาพยนตร์เข้าฉายในโรง 4-5 เรื่อง ประกอบด้วย "โหดหน้าเหี่ยว" จะเข้าฉายประมาณปลายเดือนมกราคม, "ม.3 ปี 4" เข้าฉายประมาณเดือนมีนาคม, "สุขใจ"จะเข้าฉายประมาณเดือนมิถุนายน และครึ่งปีหลังกับภาพยนตร์อีก 2-3 เรื่องที่กำลังอยู่ระหว่างสรุปรายละเอียด
นายสัรชัย กล่าวว่า ธุรกิจภาพยนตร์ของอาร์เอส ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของนายคมสันต์ เชษฐโชติศักดิ์ ได้ปรับโมเดล บริษัท อาวอง ใหม่ให้เหมือนสตูดิโอภาพยนตร์ขนาดใหญ่ในฮอลลีวู้ดที่เป็นการซื้อโปรเจคหนังจากผู้กำกับหลากหลายคน และมุ่งเดินหน้าสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง
ควบคู่ไปกับการบริหารต้นทุนการผลิตให้สอดคล้องกับการเติบโตของรายได้ พร้อมจัดทำชิ้นงานวิจัย สำรวจความต้องการของผู้บริโภคที่มีต่อการชมภาพยนตร์ว่าชื่นชอบภาพยนตร์แนวไหน สไตล์ใด เพื่อเป็นแนวทางให้บริษัทฯ สามารถผลิตผลงานคุณภาพ ให้ตรงใจและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคอย่างสูงสุด
การปรับโครงสร้างดังกล่าวยังเป็นการเปิดกว้างสำหรับโปรดิวเซอร์และผู้กำกับเลือดใหม่ไฟแรงที่มีความสามารถและมีไอเดียแปลกใหม่ สามารถนำผลงานเข้ามาเสนอที่ค่ายอาวองได้โดยตรง โดยนโยบายใหม่นี้จะสามารถเพิ่มความอิสระในการทำงานและเปิดโอกาสให้คนเก่งที่มีความสามารถได้มีช่องทางนำเสนอผลงานที่มีคุณภาพออกสู่สายตาประชาชน เพื่อเป็นบันไดสู่ความสำเร็จในอาชีพคนทำหนังอีกทั้งยังเป็นการยกระดับภาพนยนตร์ไทยให้เทียบเท่ากับนานาประเทศได้อีกด้วย
“การปรับโครงสร้างธุรกิจภาพยนตร์ในครั้งนี้ถือเป็นส่วนที่จะเติมเต็มโมเดลธุรกิจของอาร์เอสให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นเพื่อมุ่งสู่การเป็นเครือข่ายความบันเทิงที่สมบูรณ์แบบ หรือ The Entertainment Network ภายใต้นโยบายการบริหารสินทรัพย์ 360 องศารอบตัว พร้อมรุกกลยุทธ์การตลาดแบบครบวงจรในปีหน้า ทั้งเรื่องของแคมเปญการตลาด โปรโมชั่นต่างๆ รวมถึงการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ในรูปแบบใหม่ๆของภาพยนตร์แต่ละเรื่อง"นายสุรชัยกล่าว