(เพิ่มเติม) TMB ตั้งเป้าปี 52 สินเชื่อโต 3-4% เงินฝากโต 15% NPL ลดต่ำกว่า 9%

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 20, 2009 14:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย(TMB) เปิดเผยว่า ธนาคารตั้งเป้าหมายในปี 52 สินเชื่อจะขยายตัว 3-4% จากปีก่อน เงินฝากจะขยายตัว 15% ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยคาดว่าจะขยายตัว 1-2% เนื่องจากต้องการเป็นผู้นำเรื่องเงินฝากและเงินฝากที่มีคุณภาพ

ธนาคารมีแผนเพิ่มสัดส่วนเงินฝากออมทรัพย์และกระแสรายวันจาก 37% เป็น 42% และเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดด้านเงินฝากจาก 7% เป็น 14% ซึ่งจะมีส่วนให้ธนาคารสามารถวางกลยุทธ์ขยายบริการธุรกรรมทางการเงินได้เพิ่มขึ้น โดยจะมีการออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ ที่แตกต่างไปจากคู่แข่ง เพื่อก้าวสู่เป้าหมายการเป็นผู้นำทางการตลาด และธนาคารตั้งเป้ารายได้จากค่าธรรมเนียม ขยายตัวกว่า 30% และเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 30-40 แห่ง

ขณะที่วางเป้าหมายลดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) ณ สิ้นปี 52 ให้เหลือต่ำกว่า 9% จาก 14.3% ในสิ้นปี 51 ซึ่งจะต้องขาย NPL ออกไปให้ได้ 2 หมื่นล้านบาท และสินทรัพย์รอการขาย(NPA)อีก 1-1.5 หมื่นล้านบาท โดยปีที่ผ่านมาธนาคารได้ปรับมาตรฐานคุณภาพสินเชื่อให้เป็นไปตามหลักสากล ทำให้ในช่วงไตรมาส 4/51 ตั้งสำรองหนี้เพิ่มกว่า 3.8 พันล้านบาท

นายบุญทักษ์ กล่าวว่า ในปีนี้ธนาคารเตรียมงบจำนวน 850 ล้านบาท เพื่อใช้โครงการเออร์ลี่รีไทร์ในปีนี้ตามแผนปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ และยืนยันความพร้อมที่จะจ่ายดอกเบี้ยตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน(Hybrid Tier 1)ในปีนี้ เนื่องจากธนาคารมีกำไรตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้

TMB ระบุว่าในปี 51 ธนาคารมีผลกำไรสุทธิก่อนการสอบทานรวม 424 ล้านบาท เมื่อเทียบกับขาดทุน 43,677 ล้านบาทในปี 50 ผลกำไรดังกล่าวสะท้อนถึงศักยภาพในการสร้างรายได้ของธนาคาร รวมทั้งพัฒนาการของธนาคารที่กำลังดำเนินไปตามแผนกลยุทธ์ที่วางไว้ โดยธนาคารมีรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 6% จากปี 2550 มาเป็น 7,014 ล้านบาท

ในไตรมาส 4/51 เป็นช่วงเวลาที่การดำเนินการต่างๆ ตามแผนพัฒนาธนาคาร เริ่มส่งผลที่ดี เช่น แม้ว่าในปี 51 ยอดเงินฝากของธนาคารลดลง 3% เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นปี 50 แต่ไตรมาสที่ 4 เพียงไตรมาสเดียว เงินฝากของธนาคารเพิ่มขึ้น 4% หรือ 16,800 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นเงินฝากคุณภาพ คือ เงินฝากออมทรัพย์และกระแสรายวัน ซึ่งมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 39% ของยอดเงินฝากทั้งหมด ณ สิ้นไตรมาสที่ 4 เมื่อเทียบกับ 37% ในไตรมาสที่ 3 ของปีเดียวกัน

ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อลดลง 9% จากสิ้นปีก่อนหน้า เนื่องจากการชำระคืนหนี้ รวมทั้งการปรับปรุงกระบวนการพิจารณาความเสี่ยงทางด้านสินเชื่อที่มีมาตรฐานสากล อย่างไรก็ตาม อัตราการลดลงของเงินให้สินเชื่อชะลอตัวลงในไตรมาส 4/51 โดยมีจำนวนสินเชื่อคุณภาพดีเพิ่มขึ้นมาก นอกจากนี้สินเชื่อเพื่อการค้าระหว่างประเทศยังเพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งจะช่วยสร้างการเติบโตของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยมากยิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต

ณ สิ้นปี 51 ธนาคารและบริษัทย่อยมี NPL 69,777 ล้านบาท หรือเท่ากับ 14.3% ของสินเชื่อทั้งหมด ซึ่งลดลง 6,700 ล้านบาท หรือ 8.8% จาก 76,512 ล้านบาทเมื่อสิ้นปี 50 เนื่องจากมาตรการของธนาคารในการปรับโครงสร้างหนี้ ตลอดจนการจำหน่ายและการตัดจ่าย NPL ออกไป

ธนาคารมีเงินกองทุนที่ 13.9% ณ สิ้นงวด 2551 โดยเป็นระดับเดียวกันกับธนาคารชั้นนำรายอื่นของประเทศ

นายบุญทักษ์ กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา TMB ทบทวนคุณภาพสินเชื่อด้วยตนเองเป็นการภายใน (internal qualitative review) โดยมีเป้าหมายจะยกระดับคุณภาพสินเชื่อของธนาคารให้สูงในระดับมาตรฐานธนาคารชั้นนำในระดับสากล รวมทั้งมีการปรับเปลี่ยนการจัดชั้นลูกค้า จากเดิมที่จัดลูกค้า NPL ตามรายบัญชี มาเป็นการจัดตามรายชื่อลูกค้า ตลอดจนการประเมินหลักประกันและการจัดชั้นคุณภาพสินเชื่อที่เข้มงวดยิ่งขึ้น ทำให้ในไตรมาส 4/51 มีการตั้งสำรองหนี้เพิ่มขึ้น

ปัจจุบัน TMB มีเครือข่ายสาขารวมทั้งสิ้น 473 สาขา สำนักงานแลกเปลี่ยนเงิน 105 แห่ง เครื่องเอทีเอ็มจำนวน 1,946 เครื่อง รวมทั้งให้บริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ประเภทต่างๆ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ