นายศักรินทร์ ร่วมรังษี ผู้ช่วยผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยถึงกรณี บมจ. เอส.อี.ซี.ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส (SECC) ว่า ขณะนี้ตลาดหลักทรัพย์คงจะรอผลการตรวจสอบบัญชีเชิงลึก (Special Audit) เพื่อจะได้เห็นถึงสถานะของ SECC ว่าเป็นอย่างไรก่อน หลังจากที่ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้หาผู้ตรวจสอบบัญชีมาแล้ว
ทั้งนี้ หากผลการตรวจสอบออกมาพบว่าส่วนทุนติดลบหรือธุรกิจจะทำอะไรก็ต้องดูความพยายามหรือการแก้ไขก่อน ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ต้องถูกเพิกถอนตามเกณฑ์
หาก สถานะของ SECC เข้าข่ายในส่วนของทุนติดลบก็คงไม่สามารถปลดเครื่องหมาย SP ได้ เนื่องจากต้องเข้าไปอยู่ในหมวดฟื้นฟูกิจการ (NPG) และหลังจากนั้นหาก SECC ไม่สามารถแก้ไขฟื้นฟูกิจการได้ตามระยะเวลาที่กำหนดก็อาจจำเป็นต้องถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์
นอกจากนี้ ผู้ตรวจสอบยังดูถึงการดำเนินธุรกิจใหม่ เพื่อทำให้มีรายได้ขึ้นมาด้วย อีกทั้งยังเป็นการเปิดเผยข้อมูลให้กับนักลงทุนเพื่อที่จะได้รู้สถานะก่อนที่จะตัดสินลงทุน
"คงไม่สามารถปลดเครื่องหมาย SP ให้ได้ตอนนี้ เพราะเรายังไม่รู้สถานะของกิจการว่าเป็นอย่างไรและผลในการตรวจสอบของ Special Audit ด้วย" นายศักรินทร์กล่าว
ส่วนกรณีการตรวจสอบข้อมูลของ DSI เรื่องดังกล่าวตลาดหลักทรัพย์คงไม่เข้าไปเกี่ยวข้องแต่ทางตลาดได้มีการส่งข้อมูลเพิ่มเติมไม่ว่าจะเป็นข้อมูลย้อนหลังเรื่องการเงินไปให้ DSI เพิ่ม ส่วนการพิจารณาจะออกมาอย่างไรนั้นคงขึ้นอยู่กับ DSI และเชื่อว่า DSI คงใช้ระยะเวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานนานพอสมควร
นอกจากนี้ ตลท.ยังอยู่ระหว่างการปรับหลักเกณฑ์ในการตรวจสอบการซื้อขายของบริษัทจดทะเบียน หากพบความผิดปกติก็จะทำให้เร็วขึ้นเพื่อที่จะส่งไปยังสำนักงานก.ล.ต.ได้เร็วขึ่นจากปัจจุบันที่ต้องใช้ระยะเวลา 2-3 เดือน ในการรวบรวมข้อมูล