นายทอเร่ จอห์นเซ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น(DTAC) กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรักษาส่วนแบ่งตลาดผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือที่ 30% จากตลาดรวมผู้ใช้โทรศัทพ์มือถือปี 52 ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4-5 ล้านเลขหมาย ซึ่งต่ำกว่าปี 51 ที่มีจำนวนเลขหมายใหม่เพิ่มขึ้น 6-8 ล้านเลขหมาย เนื่องจากปีนี้ตลาดมือถืออิ่มตัวจากผู้ใช้มือถือเต็ม 100%ของประชากร(Penetration Rate) ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
ทั้งนี้ ในปี 51 DTAC มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 32% จากจำนวนผู้ใช้ประมาณ 18-19 ล้านเลขหมาย
นายทอเร่ กล่าวว่า การที่เศรษฐกิจไม่ดี ทำให้บริษัทตัดสินใจจะเน้นรักษากระแสเงินสดเอาไว้ ส่วนงบการลงทุนขึ้นอยู่กับรูปแบบการลงทุนระบบ 3G จะเป็นอย่างไร และจะเน้นขยายระบบ 2G เพื่อทำให้ระบบมีเสถียรภาพและรองรับ Capacity ที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ดี เชื่อว่าปี 52 จะใช้งบลงทุนต่ากว่าปีก่อน และบริษัทจะทบทวนประมาณการทุกไตรมาส เพื่อประเมินสถานการณ์กระแสเงินสด หากมีน้อยก็จะลงทุนไม่มาก
"ถ้ามีการออกประกาศประมูลไลเซ่นส์ 2.1 กิ๊กกะเฮิร์ตและมีรายละเอียดมากพอ ก็จะมาดูอีกครั้งว่าจะทำอันไหน 850 เมกะเฮิร์ตหรือ 2.1 กิ๊กกะเฮิร์ต เพราะทั้งสองอย่างมีข้อดีข้อเสียต่างกัน"นายทอเร่ กล่าว
ทั้งนี้ การดำเนินงานระบบ 3G บนคลื่นความถี่ 850 เมกะเฮิร์ต จะมีข้อดีที่สามารถกระจายได้ในพื่นทั่ห่างไกล แต่ก็ต้องเสียส่วนแบ่งรายได้ 25-30% และอายุสัญญาสัปทานเหลือประมาณ 7 -8 ปี แต่หากบริษัทหันไปทำระบบ 3G บนคลื่นความถี่ใหม่ 2.1 กิ๊กกะเฮิร์ต ก็จะเสียค่าใบอนุญาตที่จะเสียค่าใช้จ่ายไม่สูง แต่จะไม่กระจายถึงพื้นที่ห่างไกล อย่างไรก็ตาม คาดว่าในครึ่งปีหลัง คณะกรรมการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กทช.) จะเปิดประมูลคลื่นความถี่ใหม่ดังกล่าว
เมื่อปีก่อน บริษัทคาดว่าจะใช้เงินประมาณ 5 พันล้านบาทลงทุนระบบ 3G บนคลื่นความถี่ 850 เมกะเฮิร์ตสำหรับทั่วประเทศ แต่ขณะนี้บริษัทได้ทบทวนมูลค่าเงินลงทุน และหากจะทำระบบ 3G บนคลื่นความถี่ 850 เมกะเฮิร์ตก็พร้อมดำเนินการได้ ไม่จำเป็นต้องทดลอง