บมจ.ลานนารีซอร์สเซส(LANNA)เปิดเผยว่า ขณะนี้เหมืองแห่งที่ 3 ในอินโดนีเซียเริ่มเปิดดำเนินการแล้ว คาดว่าจะเริ่มนำถ่านหินออกมาขายได้ในปลายไตรมาส 1/52 หรือต้นไตรมาส 2/52 เบื้องต้นปีแรกกำลังการผลิตคงจะอยู่ที่ 50% ของกำลังการผลิตเต็มที่ที่ 2 ล้านตัน
พร้อมกับคาดว่าจะสามารถส่งมอบถ่านหิน 9.5 หมื่นตัน ในเหมืองในอินโดฯ ที่เลื่อนมาจากเดือนธ.ค.51 เนื่องจากปัญหาฝนตกหนัก ได้ภายใน ม.ค.52
"ตอนนี้เหมืองในอินโดฯปรับปรุงเสร็จแล้วอยู่ในขั้นตอนที่รอราชการมาตรวจ คาดว่าคงจะได้รับอนุญาตเร็ว ๆ นี้และจะแจ้งตลาดหลักทรัพย์ให้ทราบ ถ้าไม่มีอะไรก็อย่างที่คาดว่าจะเสร็จภายในเดือนนี้น่าจะออกมาประมาณ 1-2 ลำ ลำละประมาณ 5-6 หมื่นตัน" นายอนันต์ เล้าหเรณู กรรมการ LANNA กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
บริษัทเชื่อว่ากำไรในปี 51 ยังมากกว่าปี 50 ถึงแม้จะเกิดปัญหาฝนตกหนักเป็นอุปสรรคต่อธุรกิจเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียในช่วงไตรมาส 4/51 และเหมืองที่ 2 ถูกปิดไป แต่ที่คาดว่ากำไรจะดีกว่า เพราะ 9 เดือนแรกของปี 51 บริษัทกำไรสุทธิแล้ว 435.26 ล้านบาท สูงกว่าทั้งปี 50 ที่มีกำไร 372 ล้านบาท หรือคิดเป็นงวด 9 เดือนกำไรโต 15-16% ของทั้งปี 50 แล้ว
อย่างไรก็ตาม ในปี 51 บริษัทคงมีการตั้งสำรองทางบัญชีจากการขาดทุนสต็อคที่ 1 แสนตัน แต่คิดว่าจะมีการตั้งสำรองไม่สูงมากนัก เนื่องจากเป็นการซื้อถัวเฉลี่ยต้นทุนมาเรื่อย ๆ และจะไม่ส่งผลกระทบต่อกำไรทั้งปีมากนักเช่นกัน นอกจากนั้นยังน่าจะส่งผลดีต่อผลประกอบการในปีนี้เพราะราคาที่ขายอยู่ไม่ได้ต่ำกว่าต้นทุนสต๊อกมาก
"ต้องดูเหตุผลทางบัญชีก่อน คิดว่าคงจะถือหลัก Conservative แต่สต็อกตรงนี้คิดว่าเรามีกำไร cover คือสำรองไปทั้งหมดก็ดีไม่ต้องรอรับความไม่แน่นอนในปีใหม่ แต่อย่างไรก็ตามก็ยังคิดว่ากำไรโดยรวมปี 51 จะสูงกว่าปีก่อนเพราะ 9 เดือนก็สูงกว่าปีก่อนแล้ว"นายอนันต์ กล่าว
ขณะที่ปริมาณขายในปี 51 หากรวมกับกำลังผลิตทั้งหมดและที่ซื้อจากเหมืองอื่นเข้ามาสมทบด้วย น่าจะลดลงกว่าปีก่อน มาอยู่ที่ในระดับ 2.8 ล้านตัน แต่ได้รับการชดเชยจากราคาขายที่ดีกว่า ทำให้กำไรออกมามากกว่า
*ปี 52 รับสภาพตามภาวะเศรษฐกิจโลก
นายอนันต์ กล่าวว่า ในปี 52 คาดว่าบริษัทมีปริมาณถ่านหินพร้อมขายราว 3 ล้านตัน โดยบริษัทได้ทำสัญญาขายล่วงหน้าแล้วบางส่วน แต่จากผลกระทบเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงอย่างมาก อาจทำให้ความต้องการถ่านหินปีนี้ยังมีควมไม่แน่นอน แม้จะมีสัญญาขายล่วงหน้า แต่ลูกค้าสามารถขอเลื่อนได้หากมีเหตุสุดวิสัย ขณะนี้ยังคาดการณ์ไม่ได้แน่นอน แต่เชื่อว่าคงจะลดลงจากปีก่อน อย่างผู้ผลิตปูนซิเมนต์ปีนี้ก็ตั้งเป้าผลิตลดลง 50% เพื่อรอโครงการใหญ่ ถือเป็นเหตุสุดวิสัย
"ตอนนี้คาดการณ์ยาก ซึ่งเราก็ต้องมองเหมือนคนอื่น" นายอนันต์ กล่าว
นายอนันต์ กล่าวว่า สำหรับ LANNA ในปี 52 คิดว่าคงไม่ถึงกับขาดทุน แต่กำไรอาจจะดีไม่เท่าปีก่อน พราะธุรกิจทั่วโลกได้รับผลกระทบเช่นเดียวกันหมด ถึงแม้สินค้าของบริษัทจะไม่ได้มีปัญหาก็ตาม แต่หากลูกค้าชะลอการสั่งซื้อ เช่นกรณีของผู้ผลิตปูนซิเมนต์ที่ลดกำลังการผลิตลง ก็จะส่งผลกระทบกับยอดขายของบริษัทต้องลดลงตาม ส่วนธุรกิจอื่นไม่น่าชะลอ โดยเฉพาะผู้ผลิตไฟฟ้า
อย่างไรก็ตาม บริษัทพยายามจะรักษาผลประกอบการปี 52 โดยบริษัทมีการผลิตถ่านหินจากแหล่งที่ 1 ประมาณ 1.5 ล้านตันและแหล่งที่ 3 ถ้าทำได้เต็มที่ก็จะอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านตัน รวมเป้าหมาย 2.5 ล้านตัน และนำเข้ามาขายในประเทศอีก 4-5 แสนตันในปี้นี้ ซึ่งลดลงจากปี 51 ที่อยู่ที่ 6-7 แสนตัน
"ที่เอาจากแหล่งอื่น 4-5 แสนตัน ก็ยังไม่แน่นอน เพราะส่วนหนึ่งเรามีสต็อกคงเหลือเมื่อตอนปลายปีเป็นแสนตัน"นายอนันต์ กล่าว
ด้านราคาถ่านหินในขณะนี้ยังมีแนวโน้มอ่อนตัวลงตามราคาน้ำมัน จากเฉลี่ยปีที่แล้วอยู่ในช่วง 60 เหรียญฯต่อตัน ปีนี้จะขึ้นหรือลงขึ้นอยู่กับสัญญาเก่าที่ทำไว้ และอาจจะมีเหตุการณ์ที่จะชะลอไปได้แต่เราก็จะพยายามขายให้เต็มกำลังผลิต
*ยังไม่มีแผนลงทุนใหม่ แต่มองหาโอกาสไว้ก่อน
สำหรับปีนี้ LANNA คงไม่มีการลงทุนใหม่ คงพยายาม freeze ไว้ก่อน โดยจะเน้นการดำเนินธุรกิจในแหล่งที่ 1 และ แหล่งที่ 3 ที่มีอยู่เดิม แต่ก็ยังมองหาไปเรื่อยๆ
"ถ่านหินไม่ได้ถือว่าแย่ ไม่ได้มีปัญหา เพียงแต่ต่อไปปริมาณลดลงแต่กำไรก็น่าจะยังมี ถ้าธุรกิจอื่นไม่ดีพวกที่ใช้เชื้อเพลิงก็ต้องลดไปตามกำลังการผลิตของลูกค้า แต่ทุกตันที่เราผลิตก็คิดว่าน่าจะมีกำไร แต่กำไรที่เป็นตัวเงินอาจจะลดลง เพราะภาวะเศรษฐกิจแบบนี้มองยังไงก็ไม่น่าจะดี" นายอนันต์ กล่าว