หุ้น KTB ราคาวิ่งขึ้น 2.07% มาอยู่ที่ 3.94 บาท เพิ่มขึ้น 0.08 บาท มูลค่าซื้อขาย 72.34 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.48 น. โดยเปิดตลาดที่ 3.88 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 3.98 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 3.88 บาท
ธนาคารกรุงไทย(KTB)ประกาศผลกำไรปี 51 เท่ากับ 1.21 หมื่นล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.08 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่กำไร 6.11 พันล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.55 บาท
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันซ่า คงแนะนำ"ซื้อ"หุ้น KTB ให้ราคาเหมาะสมปี 52 ไว้ที่ 6.20 บาท โดยเชื่อว่า KTB มีแนวโน้มการขยายตัวของสินเชื่อในปี 52 ดีที่สุดในกลุ่มตอนนี้ในฐานะธนาคารหลักของรัฐในการปล่อยสินเชื่อโครงการต่างๆ พร้อมปรับประมาณการการขยายตัวของสินเชื่อปี 52 ขึ้นจากเดิม 4% เป็น 5% ทำให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 52 เพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิมราว 4% มาอยู่ที่ 1.25 หมื่นลบ. ซึ่งเพิ่มขึ้นราว 4%yoy โดยคาด NIM ที่ 3.67% (VS 3.8 ในปี 08)
นอกจากนี้ ยังคาดว่า KTB จะจ่ายเงินปันผลจากกำไรปี 51 ที่หุ้นละ 0.45 บาท(payout ratio 42%) คิดเป็น Yield ~ 12%
บล.เอเชีย พลัส แนะ"ซื้อ"หุ้น KTB โดยระบุว่า แม้จะเริ่มมีความกังวลเกี่ยวกับบทบาทของ KTB ในฐานะที่เป็น ธ.พ.ใหญ่สุดของรัฐ ที่ต้องมุ่งเน้นกระตุ้นเศรษฐกิจ ในการปล่อยสินเชื่อแก่กลุ่มลูกหนี้ที่มีความเสี่ยงสูงเช่นกลุ่ม SME แต่เนื่องจากวงเงินที่ปล่อยสินเชื่อยังไม่มีนัยฯ (คิดเป็นเพียง 3% ของสินเชื่อรวม) ซึ่งประเด็นเสี่ยงดังกล่าวยังต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง หากแนวโน้มวงเงินขยายเพิ่มขึ้นมากกว่าที่ประเมินไว้
อย่างไรก็ตาม ยังเห็นโอกาสในทางบวกจากการเป็น ธ.พ.ของรัฐเช่นกัน เช่นในกรณีของโครงการรับจำนำข้าวของภาครัฐ ซึ่ง KTB ได้ร่วมปล่อยกู้ให้กับ ธกส. ด้วยผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับความเสี่ยง และอาจรวมไปถึงโครงการภาครัฐอื่นๆ ที่ประเมินว่ามีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งจะเป็นโอกาสในการเติบโตของธุรกิจในยามที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยกำหนด Fair value ปี 2552 ที่ระดับ PBV 0.58 เท่า คือ 5.62 บาท และมีคาดการณ์ Div yield ปี 2551 ที่สูงสุดในกลุ่มฯ ถึง 10.3% (จ่ายปีละครั้ง ตามคาดการณ์ Payout ratio ที่ระดับนโยบายขั้นต่ำคือ 40% ของกำไรฯ)