บมจ.จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่(GRAMMY) ประกาศทิศทางการดำเนินธุรกิจในระยะยาว 3-5 ปีนับจากนี้ภายใต้ Master Plan จะมุ่งสร้าง Total Entertainment Platform โดยมีองค์ประกอบหลัก คือ Content, พรสวรรค์(Talent), ช่องทางการสื่อสารเพื่อเข้าถึงผู้บริโภค (Media), ช่องทางการสร้างรายได้(Distributor) เพื่อให้บริการกับผู้บริโภค
GRAMMY คาดว่าสถานการณ์รอบด้านที่ดีขึ้นจะทำให้บริษัทสามารถรักษาอัตราการเติบโตของผลประกอบการในปี 52 ไม่ต่ำกว่าปี 51 ที่มีอัตราเติบโตของกำไรราว 30% เพราะมั่นใจผู้บริหารแต่ละธุรกิจจะสามารถปรับตัวและวิธีการบริหารเพื่อให้มีความยืดหยุ่นและเหมาะกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมทั้งคิดค้นโมเดลใหม่ๆได้
"ปี 51 กำไรได้เท่าไหร่ ปี 52 ต้องไม่น้อยกว่านั้น ส่วนในแง่รายได้ ปี 52 ก็จะไม่ต่ำกว่าปี 51 ที่ทำได้ 7.5 พันลบ...รายได้อาจจะไม่โตมาก แต่ทุกบาทพร้อมจะวิ่งหากำไร" นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการ GRAMMY กล่าว
ด้านธุรกิจฟรีดาวเทียมจะออกอากาศในเดือนก.พ.นี้อีก 3 ช่อง เป็นช่องเกี่ยวกับเพลง ละครเวที ภาพยนตร์ และเดือนก.ค. อีก 1 ช่อง เป็นการนำเสนอรายการวาไรตี้ ละคร และภาพยนตร์ในเชิงสร้างสรรค์
ส่วนความคืบหน้าการทำคำเสนอซื้อหุ้น(เทนเดอร์ออฟเฟอร์)บมจ.จีเอ็มเอ็ม มีเดีย (GMMM)เพื่อควบรวมกิจการนั้น กระบวนการทำเทนเดอร์ฯ จะสิ้นสุดวันที่ 4 ก.พ. หากเป็นไปตามกระบวนการไม่เกินเดือน ก.พ.นี้คงจะสามารถเพิกถอน GMMM ออกจากตลาดหลักทรัพย์ และนับรวมรายได้จาก GMMM เข้ามาในงบการเงินของ GRAMMY ซึ่งจะทำให้รายได้รวมในปีนี้เติบโตขึ้นอีกประมาณ 20%
และหากทุกอย่างเดินไปตามแผนที่กำหนดไว้ เชื่อว่าปี 52 อัตราปันผลน่าจะสร้างความพอใจให้กับผู้ถือหุ้นได้ไม่น้อยกว่าปี 51 เพราะปี 51 GRAMMY ถือว่ามีกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 25 ปี