นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างการสรรหานักบริหารมืออาชีพที่ได้รับการยอมรับจากสังคม และมีเวลาในการทำงานให้เข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมการ บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการเป็นอันดับแรกในการแก้ไขปัญหาของบริษัท หลังจากนั้นคือการจัดทำแผนฟื้นฟูองค์กรที่เป็นรูปธรรม และการคัดเลือกกรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่ที่มีความสามารถในการนำแผนไปปฏิบัติ
อย่างไรก็ตาม ปัญหาสำคัญทั้ง 3 เรื่องดังกล่าว เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งแก้ไข เพราะก่อนที่การบินไทยจะเจรจาขอเงินกู้จากสถาบันการเงินต่างๆเพื่อเสริมสภาพคล่องและชำระค่าเครื่องบินนั้น การบินไทยจำเป็นต้องมีแผนที่ชัดเจนในการฟื้นฟูองค์กร
"ยืนยันว่าการบินไทยคือประเทศไทย รัฐบาลไม่ปล่อยให้องค์กรต้องล้มแน่นอน แต่ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลต้องแบกรับภาระทั้งหมดของการบินไทย เพราะส่วนหนึ่งการบินไทยต้องพยายามช่วยตัวเอง โดยลดความแตกแยกและสร้างเอกภาพในองค์กร ซึ่งตนขอร้องพนักงานทุกคนว่าอย่านำอุดมการณ์การเมืองเข้ามาในบริษัท เพราะจะเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน ยืนยันว่าหากวันนี้พนักงานการบินไทยยังไม่ปรับตัวเอง คนนอกองค์กรก็คงช่วยไม่ได้" นายโสภณ กล่าว
ด้านนายสุรชัย ธารสิทธิ์พงษ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานกรรมการการบินไทย กล่าวว่า ได้เร่งรัดให้ฝ่ายบริหารจัดทำรายละเอียดมาตรการเพิ่มรายได้และลดค่าใช้จ่าย เพื่อเสนอให้คณะกรรมการการบินไทยพิจารณาในการประชุมวันที่ 11 ก.พ.นี้ โดยการย้ายเที่ยวบินในประเทศจากท่าอากาศยานดอนเมืองกลับมาทำการบินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นแนวทางหนึ่งที่สามารถลดค่าใช้จ่ายของบริษัทได้ และยังช่วยส่งเสริมนโยบายการเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคของประเทศไทย
ส่วนการจัดหาเครื่องบินแอร์บัส เอ 330-300 จำนวน 8 ลำนั้น การบินไทยจะใช้วิธีเช่าซื้อตามมติครม.ล่าสุด เพราะจากการวิเคราะห์พบว่าการเช่าซื้อมีความคุ้มค่าในการลงทุนมากกว่าการเช่าดำเนินการ แม้ปัจจุบันสถานการณ์ทางการเงินของบริษัทจะเปลี่ยนไป เพราะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกและการปิดท่าอากาศยาน แต่ไม่จำเป็นต้องทบทวนวิธีการเช่าซื้อ เพราะการศึกษาที่ผ่านมาอยู่บนพื้นฐานของความคุ้มค่าการลงทุน ไม่ได้ศึกษาจากพื้นฐานของฐานะการเงิน