นายพิชัย ชุณหวิชร ประธานกรรมการบริหาร บมจ.การบินไทย(THAI) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯ สามารถจัดหาเงินกู้จำนวน 2.2 หมื่นล้านบาท จากแผนการดำเนินงานที่จะต้องหาเงินกู้จำนวน 3.4 หมื่นล้านบาทเพื่อแก้ไขปัญหาสภาพคล่องของบริษัทได้แล้ว โดยคาดว่าจำนวนเงินที่เหลืออีกกว่าหมื่นล้านบาทจะสามารถจัดหาได้อย่างไม่มีปัญหา
พร้อมยืนยันว่า การรับมอบเครื่องบินแอร์บัส 330-300 จำนวน 6 ลำในปีนี้ มีความจำเป็นเพราะจะช่วยเพิ่มรายได้ให้บริษัทฯ ไม่ใช่เป็นภาระอย่างที่พนักงานหรือบุคคลภายนอกเข้าใจ
"เราคิดว่าอีกหมื่นกว่าล้านจะหาได้ ทุกธุรกิจก็มีปัญหาสภาพคล่อง ไม่ใช่ว่าเราขาดทุนเพราะธุรกิจไปไม่รอด แต่การซื้อเครื่องบินไม่ใช่ว่าคืนทุนได้เร็ว 3-5 ปี ฉะนั้นเราต้องสร้างความเชื่อมั่น ความเข้าใจกับคนข้างนอกว่าการรับเครื่องบินไม่ใช่ภาระ"นายพิชัย ระบุพร้อมเชื่อมั่นว่า การบินไทยจะสามารถผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปได้โดยจะปรับโครงสร้างใหม่ที่เข้มแข็งกว่าเดิม และจะไม่มีเงินกู้เพิ่มขึ้นอีก
นายพิชัย กล่าวว่า จากเดิมคาดว่าในปี 51 ที่ผ่านมาบริษัทจะประสบภาวะขาดทุนเล็กน้อยตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอยจากในปี 50 ที่บริษัทเคยมีกำไรประมาณ 7 พันล้านบาท แต่เนื่องจากประเทศไทยประสบปัญหาการเมืองและเหตุการณ์ปิดสนามบิน จึงทำให้การบินไทยไม่มีรายได้และยังมีรายจ่ายเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นเหตุทำให้ประสบภาวะขาดทุนอย่างมาก
แต่ยืนยันว่า บริษัทฯ ไม่ถึงขั้นล้มละลาย พร้อมมองปัญหาธุรกิจของการบินไทยสามารถแก้ไขได้ไม่ซับซ้อนเหมือนปัญหาบุคลากร
"ถ้าเราทำดีๆ เราตั้งเป้าว่าภายใน 3 ปี บริษัทฯ จะกลับมามีกำไร 15,000 ล้านบาท เพราะเศรษฐกิจฟื้นตัวแล้ว และเราได้ปรับปรุงโครงสร้างของเราให้แข็งแรง" นายพิชัย กล่าว
นอกจากนี้บริษัทฯ จะเจรจากับบริษัทแอร์บัสเพื่อเพิ่มเงื่อนไขในการดูแลซ่อมบำรุงเครื่องบินแอร์บัสที่จะรับมอบ 6 ลำ ภายในปีนี้ และอีก 2 ลำในปีหน้า ซึ่งจะช่วยทำให้การบินไทยประหยัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นต้องเก็บสต็อกอะไหล่และอุปกรณ์สำรอง
ด้านนางงามนิตย์ สมบัติพิบูลย์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายเงินและบัญชี บมจ.การบินไทย(THAI) กล่าวว่า ได้จ่ายเงินล่วงหน้า 30% ของราคาเครื่องบินแอร์บัสทั้ง 6 ลำไปแล้ว และจะกู้อีก 17,000 ล้านบาทในรูปของการเช่าซื้อ โดยจะทะยอยกู้พร้อมกับการรับมอบเครื่องบิน ซึ่ง 2 ลำแรกจะรับมอบภายในเดือนเม.ย.-พ.ค.นี้
ทั้งนี้บริษัทฯ ได้เตรียมเสนอขอกู้สำหรับ 2 ลำแรกดังกล่าว ในวงเงิน 5,000 ล้านบาท ซึ่งมีระยะเวลาการกู้ 2 ปี โดยการกู้ดังกล่าวไม่มีปัญหาเพราะได้นำเครื่องบินที่ซื้อไปค้ำประกันเงินกู้ไว้ ส่วนการเจรจาได้เสนอให้ทางบริษัทแอร์บัสรวมเงื่อนไขการซ่อมบำรุงเป็นเวลา 10 ปีไว้ด้วย
ด้านแผนการหาเงินที่ยังเหลือวงเงินอีก 12,000 ล้านบาท ที่จะหาวงเงินเพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่บริษัทฯ ในปีนี้ นางงามนิตย์ กล่าวว่า บริษัทฯ มีแนวทางที่อาจจะออกหุ้นกู้ ซึ่งขณะนี้เหลือวงเงินที่จะออกหุ้นกู้อีก 14,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันจะขอให้กระทรวงการคลังช่วยค้ำประกันเงินกู้ที่บริษัทจะขอวงเงินกู้จากธนาคารรัฐในประเทศ
"จำนวนเงิน 12,000 ล้านบาทที่เราวางแผนว่าจะใช้ถึงสิ้นปี อาจจะใช้ไม่ถึงก็ได้ ขึ้นอยู่กับผลประกอบการของบริษัทฯ" นางงามนิตย์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทอยู่ระหว่างการปรับปรุงแผนงานธุรกิจปี 52 และแผนงานธุรกิจปี 53-54 โดยรายละเอียดแผนธุรกิจปี 52 ประกอบด้วย การปรับปรุงตารางบิน, การใช้เครื่องบินอย่างมีประสิทธิภาพ, การปรับปรุงรายได้ให้มีคุณภาพ, การปรับลดค่าใช้จ่าย เป็นต้น ทั้งนี้จะนำเสนอต่อบอร์ด THAI ในวันที่ 11 ก.พ.และจะเสนอแผนดังกล่าวไปยังสำนัก สคร.ในวันที่ 16 ก.พ. ซึ่งหลังจากส่งแผนดังกล่าวให้แล้ว คาดว่าจะได้ความชัดเจนเรื่องความช่วยเหลือจากรัฐบาล