สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลดลง 45.24 จุด หรือ 0.56% แตะที่ 8,077.56 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 4.45 จุด หรือ 0.54% แตะที่ 831.95 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 11.80 จุด หรือ 0.81% แตะที่ 1,477.29 จุด
เทรดเดอร์ต่างส่งแรงซื้อเข้าหนุนหุ้นที่มีสัญญาณบ่งชี้ถึงการดำเนินธุรกิจที่สดใสสลับกับการกระหน่ำเทขายหุ้นของบริษัทที่รายงานผลประกอบการรายไตรมาสต่ำกว่าคาดการณ์ออกมา ซึ่งจะเห็นว่าผลประกอบการที่ดีเกินคาดของกูเกิล อิงค์ ได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่รายได้ที่เลวร้ายของเจนเนอรัล อิเล็กทริค (จีอี) นั้นตอกย้ำความกังวลของนักลงทุนที่มีต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย อีกทั้งยังทำให้นักลงทุนเกรงว่าจีอีจะปรับลดการจ่ายเงินปันผลและกังวลว่าบริษัทอาจเสียอันดับเครดิตที่ "AAA" เพราะภาวะเศรษฐกิจถดถอยบั่นทอนธุรกิจปล่อยสินเชื่อของจีอี
อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวของบริษัทประกัน Aflac Inc ช่วยบรรเทาความวิตกกังวลของนักลงทุนที่มีต่อสถาบันการเงินในวอลล์สตรีทได้ส่วนหนึ่ง หลังบริษัทยืนยันว่ามีเงินทุนพอที่จะรักษาอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับเดิมไว้ได้ ซึ่งทำให้หุ้น Aflac ดีดตัวขึ้นสู่แดนบวกหลังจากที่ดิ่งลง 37% ทันทีที่มีข่าวว่าบริษัทไม่มีเงินมากพอสำหรับการลงทุน
โธมัน เจลี นักวิเคราะห์จากเจพีมอร์แกนกล่าวว่า "ผมคิดว่าตลาดซึมซับปัจจัยลบทางเศรษฐกิจมามากและขณะนี้ตลาดก็เริ่มตั้งรับได้บ้างแล้ว"
นอกจากนี้ รายงานจากกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆยังแสดงให้เห็นถึงหลักฐานชิ้นใหม่ที่บ่งชี้ถึงภาวะอ่อนแอทางเศรษฐกิจ โดยหุ้นซีร็อกซ์ อิงค์ลดลง 7.4% หลังบริษัทรายงานผลประกอบการต่ำกว่าคาด หุ้นแคปิตอล วัน ไฟแนนเชียล คอร์ป ผู้ออกบัตรเครดิตดิ่งลง 12% ส่วนหุ้นจีอีทรุดตัวลง 11% แต่หุ้น Aflac ดีดตัวขึ้น 6.9%
ขณะเดียวกันเมื่อวานนี้ นสพ.วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า ไฟเซอร์ อิงค์ ผู้ผลิตยารายใหญ่สุดของโลก อยู่ในระหว่างการเจรจาซื้อบริษัทไวเอท โดยจะจ่ายเป็นหุ้นและเงินสดซึ่งคาดว่าอาจมีมูลค่าสูงถึง 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยหนังสือพิมพ์รายงานอ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดกับการเจรจานี้ว่า ทั้งสองบริษัทได้พูดคุยกันมานานหลายเดือนแล้ว แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะบรรลุข้อตกลงกันได้ในเร็วๆนี้ อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้หุ้นไวเอทถีบตัวขึ้น 12.7% ขณะที่หุ้นไฟเซอร์ขยับลง 2 เซนต์