ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับขึ้นได้เพียงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (23 ม.ค.) ท่ามกลางบรรยากาศการซื้อขายที่ปกคลุมด้วยความวิตกกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยเข้าขั้นรุนแรง หลังจากทางการอังกฤษเปิดเผยถึงภาวะเศรษฐกิจไตรมาส 4 ที่หดตัวลงหนักที่สุดนับตั้งแต่ปี 2523
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดขยับขึ้นเพียง 0.24 จุด หรือไม่ถึง 0.1% แตะที่ 4,052.47 จุด หลังจากดิ่งลงอย่างหนัก 2.4% ในช่วงก่อนหน้านี้
โดยตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนี FTSE 100 ทรุดตัวลง 2.3% จากแรงเทขายหุ้นกลุ่มสถาบันการเงินที่นำตลาดร่วงปิดในแดนลบเพราะนักลงทุนมีความวิตกกังวลว่าธนาคารต่างๆอาจปรับลดมูลค่าทางบัญชีลงอีก หรือไม่รัฐบาลก็จำเป็นต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือด้วยการซื้อกิจการไปเป็นสมบัติของรัฐ
สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษเปิดเผยวานนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในไตรมาส 4 ปี 2551 หดตัวลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่สอง 1.5% นับเป็นสถิติที่หดตัวลงมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์ไว้ว่าจะทรุดตัวลง 1.2% และยังเป็นตัวเลขที่หดตัวลงมากที่สุดในรอบ 29 ปี ขณะเดียวกัน ภาคอุตสาหกรรมการผลิตร่วงลง 4.6% และอุตสาหกรรมการก่อสร้างลดลง 1.1%
เดวิด บูอิก นักวิเคราะห์จาก BGC Partners กล่าวว่า "ตัวเลขจีดีพีสะท้อนให้เห็นถึงภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอได้อย่างชัดเจน รวมถึงแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้ที่อาจเผชิญภาวะถดถอยยาวนานไปจนถึงสิ้นปีเลยทีเดียว"
ทั้งนี้ หุ้นบาร์เคลยส์ร่วงลง 14% ไปอยู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ จากกระแสความตื่นตระหนกว่า ธนาคารอาจถูกรัฐบาลยึดเป็นสมบัติของชาติ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจถดถอยภายในประเทศ
ด้านหุ้น Legal & General บริษัทประกันชีวิตรายใหญ่อันดับ 3 ของอังกฤษร่วงลง 5.8% หุ้นพรูเดนเชียล ดิ่งลง 5.9% และหุ้นอาวีวาลดลง 6.7%
เควิน ไรอัน นักวิเคราะห์จากไอเอ็นจีกรุ๊ปกล่าวว่า "นักลงทุนมีความวิตกกังวลต่อสภาพคล่อง ขณะที่แนวโน้มธุรกิจประกันนั้นมีความชัดเจนว่าจะยังคงซบเซาในปีนี้ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ"