นักวิเคราะห์คาดตลาดหุ้นนิวยอร์กรีบาวด์สัปดาห์นี้ ขณะนลท.จับตาประชุม FED,แผนฟื้นฟูศก.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday January 26, 2009 07:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักวิเคราะห์ในย่านวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กมีแนวโน้มดีดตัวขึ้น เนื่องจากคาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐ จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งได้ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาดูผลประกอบการของบริษัทเอกชนและแถลงการณ์ภายหลังการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 28 ม.ค.

บริษัทเทคโนโลยี, พลังงาน และผู้ผลิตสินค้าเพื่อผู้บริโภคหลายแห่งเตรียมเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ รวมถึงบริษัท ยาฮู อิงค์, ซัน ไมโครซิสเต็มส์, เท็กซัส อินสตรูเมนท์ส, พร็อกเตอร์ แอนด์ แกมเบิ้ล, คิมเบอร์ลีย์ คล้าก, สตาร์บั๊ค, เอทีแอนด์ที, เอ็กซอนโมบิล และแคทเทอร์พิลลาร์

ควินซี ครอสบี นักวิเคราะห์จากเดอะฮาร์ทฟอร์ดกล่าวว่า "นักลงทุนส่วนใหญ่ตระหนักว่าผลประกอบการไตรมาส 4 ของบริษัทหลายแห่งออกมาย่ำแย่ แต่ผลประกอบการที่ดีเกินคาดของไอบีเอ็มทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีรายอื่นๆจะไม่ออกมาแย่กว่าที่ประเมินไว้"

บริษัท อินเตอร์เนชั่นเนล บิสิเนส แมชชีน คอร์ป (ไอบีเอ็ม) เปิดเผยผลกำไรไตรมาส 4 ปี 2551 พุ่งขึ้น 12% แตะที่ 4.43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 3.28 ดอลลาร์/หุ้น ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 3.95 พันล้านดอลลาร์ หรือ 2.80 ดอลลาร์/หุ้นในปีก่อน และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ เนื่องจากไอบีเอ็มควบคุมต้นทุนการใช้จ่ายอย่างรัดกุม นอกจากนี้ ไอบีเอ็มคาดว่าบริษัทจะมีกำไรอย่างน้อย 9.20 ดอลลาร์/หุ้นในปี 2552 ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ราว 45 เซนต์/หุ้น

ปีเตอร์ ไมเส็ค นักวิเคราะห์จากคาแน็คคอร์ด อดัมส์ กล่าวว่า ตัวเลขกำไรที่สูงเกินคาดและความเชื่อมั่นว่าจะทำกำไรอย่างต่อเนื่องในปีนี้ของไอบีเอ็มสะท้อนให้เห็นว่าบริษัทมีความมั่นใจว่าสามารถฟันฝ่าวิกฤตการณ์การเงินโลกไปได้ ด้วยการมุ่งเน้นเรื่องการให้บริการและเสริมสร้างธุรกิจซอฟท์แวร์ให้แข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับการลดต้นทุนด้วยการยุบแผนกที่มีความสามารถในการทำกำไรต่ำ

ประธานาธิบดีโอบามากำลังผลักดันให้สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 8.25 แสนล้านดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายที่จะจัดสรรเงินจากงบประมาณจำนวนดังกล่าวมาใช้ในโครงการลดหย่อนภาษีเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายผู้บริโภค

นักลงทุนจับตาดูการประชุมเฟดซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 27-28 ม.ค.นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (Fed Fund Rate) ไว้ที่ช่วง 0-0.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐยังอยู่ในภาวะถดถอย และคาดว่าเฟดจะหารือกันเรื่องแนวทางอื่นๆในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆซึ่งทางการสหรัฐจะเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ วันจันทร์ สำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด จะเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนธ.ค. และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติรายงานยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค.

วันอังคาร สำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด จะรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนม.ค. วันพฤหัสบดีกระทรวงแรงงานจะเปิดเผยจำนวนชาวอเมริกันที่ขอเข้ารับสวัสดิการในระหว่างว่างงาน กระทรวงพาณิชย์รายงานยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนธ.ค.และยอดขายบ้านใหม่เดือนธ.ค.

วันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงประจำไตรมาส 4 และมหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค. สำนักข่าวเอพีรายงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ