นายสุพจน์ สุนทรินคะ ผู้จัดการแผนกนักลงทุนสัมพันธ์และพัฒนาธุรกิจ บมจ. สาลี่อุตสาหกรรม (SALEE) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทได้ปรับแผนมาเน้นการผลิตสินค้าเพื่อป้อนกลุ่มสินค้าอุปโภค-บริโภคเพิ่มขึ้นเป็น 70% และลดสัดส่วนกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ให้เหลือ 30% จากเดิมที่อยู่ที่ 50:50
นอกจากนี้ บริษัทจะลดสัดส่วนรายได้จากธุรกิจผลิตฮาร์ดดิสก์เป็น 25-30% จากเดิมที่มีสัดส่วนรายได้ 30-35% และเพิ่มสัดส่วนรายได้ในธุรกิจพริ้นท์ติ้งเป็น 35-40% จากเดิม 25-30%
เนื่องจากในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา(ธ.ค.51-ม.ค.52)พบว่า คำสั่งซื้อสินค้าของลูกค้าปรับลดลงประมาณ 20-30% ซึ่งเกิดจากภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกปรับตัวลดลงจากผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลกมีการประกาศภาวะถดถอยของธุรกิจ ซึ่งเป็นสถานการณ์เดียวกับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ จากปัจจัยดังกล่าวทำให้บริษัทปรับเริ่มหาลูกค้าในกลุ่มอุปโภค-บริโภครายใหม่มากขึ้น รวมทั้งผลักดันให้ออเดอร์ของลูกค้ามีเข้ามาอย่างต่อเนื่องเพื่อประคองให้รายได้รวมเติบโตตามเป้าหมาย
"เศรษฐกิจทั่วโลกปรับตัวลดลง บริษัทก็ได้รับผลกระทบไปด้วย โดยเฉพาะผลกระทบจากกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์เพราะบริษัทมีการผลิตสินค้าป้อนกลุ่มนี้จำนวนมาก แต่ไม่เป็นไรเรายังมีลูกค้ากลุ่มอื่นอยู่ ทำให้ปรับไปเน้นขายสินค้าให้กลุ่มลุกค้าอื่นๆได้ ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวมากนัก" นายสุพจน์ กล่าว
นายสุพจน์ กล่าวต่อว่า ในปี 52 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 10% จากปี 51 แม้จะเป็นการเติบโตที่ลดลงเมื่อเทียบกับการเติบโตที่ผ่านมา แต่ก็เป็นการเติบโตที่น่าพอใจเมื่อเทียบกับภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก โดยในปี 51 บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ไว้ที่ 30% ซึ่งยอมรับว่าอาจจะลดลงจากเป้าหมายเล็กน้อย เนื่องจากในช่วงปลายปีเกิดวิกฤตเศรษฐกิจค่อนข้างมากซึ่งบริษัทอาจจะได้รับผลกระทบด้วยบ้าง
ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นตั้งเป้าหมายไม่ต่ำกว่า 30% ซึ่งสูงกว่าปี 51 ที่อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ระดับ 25-30% โดยจะเน้นการควบคุมค่าใช้จ่าย ลดต้นทุนการผลิต และได้รับอานิสงค์จากการหันไปรุกธุรกิจพริ้นท์ติ้งให้เพิ่มมากขึ้น เพราะเป็นธุรกิจที่สูงกว่าธุรกิจชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และธุรกิจฮาร์ดดิสก์