KSL เผยยกเลิกวอร์แรนต์เหตุไม่คุ้มค่าใช้จ่าย/เลื่อนรง.สระแก้วไปอีก 1 ปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday January 26, 2009 10:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชลัช ชินธรรมมิตร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายพัฒนาธุรกิจ บมจ.น้ำตาลขอนแก่น(KSL) เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์"ว่า สาเหตุที่คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติยกเลิกการออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท(วอร์แรนต์) เนื่องจากมองว่าการระดมทุนผ่านการออกวอร์แรนต์อาจจะไม่คุ้มค่าใช้จ่าย เนื่องจากตลาดหุ้นได้ปรับตัวลดลง ประกอบกับขณะนี้สภาพคล่องของบริษัทยังมีเพียงพอสำหรับการลงทุนในโครงการต่างๆ

"วอร์แรนต์นี้ ตอนแรกเราจะเอาไปใช้ใน project ที่ขยายธุรกิจในประเทศ แต่ตอนนี้ดูแล้ว cash flow ของเราก็พอดี ประกอบกับตอนที่ขออนุมัติผู้ถือหุ้นไว้คราวก่อนเราตั้งเป้าหมายราคาวอร์แรนท์ไว้สูง(17 บาท/หุ้น) ตอนนี้ตลาดปรับตัวลดลง ออกไปก็เสียค่าใช้จ่าย ไม่คุ้ม และเงินทุนที่มีอยู่ตอนนี้ ดูแล้วก็ไม่จำเป็นต้องออก สภาพคล่องเรายังพอใช้ได้อยู่" นายชลัช กล่าว

เช้านี้ KSL เปิดเผยต่อตลาดหลักทรัพย์ว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติยกเลิกการออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทที่ราคา 17 บาท/หุ้น จำนวนไม่เกิน 155 ล้านหน่วยที่เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมสัดส่วน 10 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิฯตามมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 29 เม.ย.51

นายชลัส กล่าวว่า ความคืบหน้าในการย้ายโรงงานน้ำตาล 2 แห่ง คือ ย้ายโรงงานจากที่ อ.ท่ามะกา ไปที่ อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี และย้ายโรงงานจากที่ จ.ชลบุรี ไปที่ จ.สระแก้วนั้น ในส่วนของโรงงานน้ำตาลที่จะย้ายไป อ.บ่อพลอย คาดว่าจะเป็นไปตามกำหนดการเดิมคือสามารถเริ่มเดินเครื่องได้ตั้งแต่ต้นปี 53

แต่ในส่วนของโรงงานน้ำตาลที่จะย้ายไป จ.สระแก้ว อาจจะต้องเลื่อนจากกำหนดการเดิมไป 1 ปี เป็นเริ่มเดินเครื่องได้ราวปี 55

ขณะที่การเปิดเดินเครื่องโรงงานน้ำตาลของ KSL ในต่างประเทศทั้งที่ลาวและกัมพูชาจะยังเป็นไปตามกำหนดเดิมคือเริ่มเดินเครื่องได้ราวเดือนมี.ค.52

"ที่บ่อพลอย คงเปิดเดินเครื่องได้ฤดูหีบหน้าช่วงต้นปี 53 แต่ที่สระแก้วอาจจะต้องเลื่อนออกไป 1 ปี กำหนดการเดิมอยู่ที่ปี 54 นอกนั้นก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เลื่อนที่สระแก้วแห่งเดียว แต่จริงๆ ที่สระแก้วเราก็ยังไม่คอนเฟิร์มกับตลาดว่าจะทำ เราดูแล้วว่าเปิดโรงน้ำตาลปีละโรงมันหนักมาก"นายชลัส กล่าว

นายชลัส ยังคาดการณ์รายได้ของ KSL ในงวดปี 52 ไว้ว่าจะเติบโตได้ราว 5-10% จากในปี 51 ที่มีรายได้อยู่ที่ราว 1.11 หมื่นล้านบาท ส่วนกำไรเชื่อว่าจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเช่นกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ