PS คาดได้ข้อสรุปแนวทางรุกตลาดจีน-เวียดนามใน Q3/52 เพิ่มช่องทางธุรกิจ

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday January 26, 2009 16:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท(PS)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทจะได้ข้อสรุปเรื่องการไปลงทุนในต่างประเทศทั้งในเวียดนามและจีนในไตรมาส 3/52 หลังจากโครงการในอินเดียลงตัวแล้ว โดยคาดว่าจะสามารถเลือกรูปแบบว่าจะพัฒนาโครงการแนวราบหรือแนวสูง ส่วนจะหาผู้ร่วมทุนด้วยหรือไม่จะเป็นขั้นตอนหลังจากนั้น

ขณะนี้บริษัทได้ส่งเจ้าหน้าที่ทางการตลาดเข้าไปศึกษาตลาดในต่างประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ และยังเป็นการรองรับการเจริญเติบโตอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาว โดยในเบื้องต้นพบว่าประเทศจีนยังความต้องการคอนโดมิเนียมสูงมาก ภายใต้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี)ที่สูงถึง 20%

บริษัทจากมองว่าการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยในช่วง 2-3 ปีจากนี้จะลำบากในเรื่องขนาดตลาดที่มีจำกัดและมีขนาดเล็ก ขณะที่บริษัทมีส่วนแบ่งทางตลาด(มาร์เก็ตแชร์) แล้วกว่า 20% ของขนาดตลาด 5-5.5 หมื่นหน่วยในกรุงเทพและปริมณฑลในปัจจุบัน นอกจากนี้การขยายธุรกิจในต่างประเทศยังช่วยให้บริษัทรักษาอัตราการเติบโตในแต่ละปีเฉลี่ย 20 % ไว้ และยังอยู่ระหว่างศึกษาการขยายไปทำโครงการตามหัวเมืองใหญ่ เช่น ภูเก็ต ชลบุรี เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ในอนาคตด้วย

"การไปลงทุนต่างประเทศไม่ใช่เป็นการลดความเสี่ยงจากเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอลง แต่กลับเป็นการเพิ่มช่องทางในการขยายธุรกิจเพราะเรามองว่าใน 2-3 ปีข้างหน้า การเติบโตในประเทศคงจะจำกัด หากเราไม่หาวิธีการหรือทำอะไรเราก็จะอยู่อย่างนี้ แข่งขันกับใครก็ไม่ได้และการเติบโตก็จะทำได้ลำบาก" นายทองมา กล่าว

ด้านนายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ PS กล่าวว่า บริษัทวางแผนจะเปิดโครงการใหม่ 22 แห่งในปี 52 รวมมูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการทาวน์เฮ้าส์ 8 โครงการ, บ้านเดี่ยว 11 โครงการ, คอนโดมิเนียม 2 โครงการ และโครงการที่อินเดีย

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของความสามารถในการสร้างกำไรสุทธิในปีนี้เชื่อว่ายังทำได้ดีต่อเนื่องจากปี 51 และคาดว่าจะสามารถจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในงวดปี 51ได้มากกว่างวดปี 50 ที่จ่ายในอัตราหุ้นละ 0.22 บาท เพราะจากการประเมินตัวเลขกำไรสุทธิสูงขึ้นจากปี 50 ที่มีกำไรสุทธิ 1,270 ล้านบาท

อนึ่ง บริษัทตั้งเป้าปี 52 ทำยอดขาย 1.8 หมื่นล้านบาท สูงขึ้น 11% จากปีก่อนที่มียอดขาย 1.6 หมื่นล้านบาท และรายได้ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท เติบโต 31% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1.3 หมื่นล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ