ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 ม.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากข่าวบริษัท ไฟเซอร์ อิงค์ เสนอควบกิจการกับไวเอท ซึ่งทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าอุตสาหกรรมเวชภัณฑ์จะสามารถฟันฝ่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากยอดขายบ้านมือสองในสหรัฐที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนธ.ค.
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 38.47 จุด หรือ 0.48% แตะที่ 8,116.03 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 4.62 จุด หรือ 0.56% แตะที่ 836.57 ตุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 12.17 จุด หรือ 0.82% แตะที่ 1,489.46 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.27 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 1,983 ต่อ 1,076 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 1.84 พันล้านหุ้น
ตลาดหุ้นนิวยอร์กขานรับข่าวไฟเซอร์ อิงค์ ยื่นข้อเสนอมูลค่า 6.68 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อเทคโอเวอร์บริษัท ไวเอท โดยคาดว่าข้อตกลงดังกล่าวจะได้ข้อสรุปภายในไม่กี่วันนี้ และจะเป็นการเทคโอเวอร์ครั้งใหญ่สุดของอุตสาหกรรมเภสัชกรรมในรอบเกือบ 5 ปี
เลส ฟันท์เลย์เดอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัท มิลเลอร์ ทาบัค แอนด์ โค ในนิวยอร์ก กล่าวว่า ผู้ถือหุ้นของไวเอทอาจได้รับผลตอบแทน 50.19 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งรวมถึงเงินสด 33 ดอลลาร์ และหุ้นไฟเซอร์อีก 0.985 หุ้น ซึ่งมากกว่าราคาหุ้นของไวเอท ณ วันที่ 22 ม.ค.ราว 29% และเจฟฟรีย์ คินด์เลอร์ ซีอีโอของไฟเซอร์ จะเป็นผู้บริหารสูงสุดหากทั้งสองบริษัทควบรวมกิจการกัน
ทั้งนี้ หากการเทคโอเวอร์ครั้งนี้ประสบผลสำเร็จ ไฟเซอร์ จะได้ครอบครองลิขสิทธิ์ยาคลายเครียด Effexor และวัคซีนโรคปอดบวม Prevnar ของไวเอท ซึ่งอาจทำให้ยอดขายรายปีของไฟเซอร์เพิ่มขึ้นราว 46% แตะ 7 หมื่นล้านดอลลาร์ และช่วยลดการขาดทุนราว 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์หลังจากที่ยาลดคอเรสเตอรอล Lipitor เริ่มมีคู่แข่งในตลาดตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวนหลังจากบริษัท แคทเทอร์ พิลลาร์ เปิดเผยผลประกอบการที่ทรุดตัวลงในไตรมาส 4 ซึ่งอาจทำให้บริษัทต้องลดพนักงาน 25,000 ตำแหน่งในสหรัฐและลดเงินเดือนผู้บริหาร ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวฉุดหุ้นแคทเทอร์ พิลลาร์ ร่วงลงกว่า 8%
กระแสความวิตกกังวลเรื่องการลดพนักงานเริ่มรุนแรงขึ้นเมื่อผลสำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ซึ่งจัดทำโดยสมาคมธุรกิจแห่งชาติของสหรัฐ (NABE) บ่งชี้ว่า นักวิเคราะห์ 39% คาดการณ์ว่าบริษัทเอกชนทั่วโลกอาจจะลดการจ้างงานลงอีกในอีก 6 เดือนข้างหน้า ซึ่งนับเป็นอีกปีหนึ่งที่พนักงานภาคเอกชนต้องเผชิญภาวะวิกฤติ โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 32% ที่ได้มีการสำรวจไว้ก่อนหน้านี้
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ไมโครซอฟท์เปิดเผยว่าบริษัทเตรียมลดพนักงาน 5,000 คนในอีก 18 เดือนข้างหน้า ขณะที่อินเทล คอร์ป เตรียมลดคนงานด้านการผลิต 6,000 คน และสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส เตรียมลดพนักงาน 1,000 คน
หุ้นโฮม ดีโปท์พุ่ง 4.7% หลังบริษัทประกาศลดตำแหน่งงานลงราว 7,000 ตำแหน่ง ขณะที่หุ้นแมคโดนัลด์ปิดบวก 38 เซนต์ แตะที่ 58.40 ดอลลาร์ หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาส 4 ที่สูงเกินคาด
ส่วนหุ้นไวเอทดิ่งลง 35 เซนต์ ปิดที่ 43.39 ดอลลาร์ และหุ้นไฟเซอร์ร่วงลง 10.3%