ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นกว่า 150 จุดเมื่อคืนนี้ (26 ม.ค.) หลังจากธนาคารบาร์เคลย์สคาดการณ์ว่ากำไรก่อนหักภาษีอาจปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธนาคารทะยานขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบ 3 เดือน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดพุ่งขึ้น 156.54 จุด แตะที่ 4,209.01 จุด ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนธ.ค.เป็นต้นมา หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 4,039.41-4,225.21 จุด
นักวิเคราะห์จากเอ็มเอฟ โกลบอล กล่าวว่า ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงหนุนจากการที่บาร์เคลย์ส พีแอลซี คาดผลกำไรก่อนหักภาษีจะมีมากกว่า 5.3 พันล้านปอนด์ในปี 2551 แม้ทางธนาคารต้องปรับลดมูลค่าทางบัญชีกว่า 8 พันล้านปอนด์ก็ตาม โดยทางธนาคารจะเปิดเผยผลประกอบการปี 2551 ในวันที่ 9 ก.พ. ซึ่งเร็วกว่ากำหนดเดิม เพื่อหวังคลายความวิตกกังวลในตลาด
มาร์คัส เอเจียส ประธานบาร์เคลย์ส และ จอห์น วาร์ลีย์ ซีอีโอ ระบุในแถลงการณ์ร่วมว่า "ตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า แม้เราจะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตสินเชื่อ รายได้ของเรายังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่งและทำกำไรได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้เรายืนยันว่าทางธนาคารไม่จำเป็นต้องระดมเงินทุนเพิ่มเติมจากนักลงทุนหรือรับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล เนื่องจากปัจจุบันอัตราการลงทุนของลูกค้ายังคงอยู่ในระดับสูง"
ทั้งนี้ หุ้นบาร์เคลย์สพุ่งขึ้น 73% และช่วยหนุนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นรอยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ ทะยานขึ้น 20% และหุ้นลอยด์ ทีเอสบี ดีดตัวขึ้นกว่า 20%
ไอเอ็นจี กรุ๊ป ซึ่งเป็นสถาบันการเงินและบริษัทประกันรายใหญ่สุดของเนเธอร์แลนด์ เปิดเผยว่า ไมเคิล ทิลมานท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) เตรียมลาออกจากตำแหน่ง หลังจากบริษัทขาดทุนติดต่อกัน 2 ไตรมาสเนื่องจากมูลค่าสินทรัพย์ทางบัญชีปรับตัวลดลง
ไอเอ็นจีเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดทุนก่อนหักภาษีซึ่งไม่นับรวมยอดขายและรายได้พิเศษ อาจสูงถึง 3.3 พันล้านยูโร หรือ 4.27 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และบริษัทเตรียมปลดพนักงาน 7,000 คน ซึ่งทำให้บริษัทต้องลดการใช้จ่ายด้านการดำเนินงานลง 1 ล้านยูโรในปี 2552