CEI ไม่มั่นใจงวดปี 52 มีกำไร คาดยอดขายพัดลมหด แต่ธุรกิจเช่ารง.ไปได้สวย

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 27, 2009 11:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.คอมพาสส์ อีสต์ อินดัสตรี้(ประเทศไทย)(CEI)มองยอดขายพัดลมยังไม่เห็นแววฟื้น ปีนี้น่าจะลดลงจากปีก่อน ซึ่งอาจกระทบกับผลกำไร หลังจากงวดไตรมาส 1/52 ออกมาเป็นขาดทุน เล็งปรับกลยุทธรักษายอดขายด้วยการเปลี่ยนวิธิการทำงานให้มีประสิทธิภาพ พร้อมหวังรายได้จากการให้เช่าโรงงานเข้ามาหนุนแม้จะมีสัดส่วนเพียง 15% ของรายได้รวม เนื่องจากมีแนวโน้มที่ดี อัตราการเช่าปีนี้เพิ่มขึ้น 40-50% ส่วนการหาพันธมิตรร่วมทุนในธุรกิจอุปกรณ์ประหยัดพลังงานและลดภาวะโลกร้อนยังเดินหน้าต่อไป

"นปี 52 จะกำไรได้หรือไม่ ยังไม่แน่ใจต้องรอดูยอดขายพัดลม เพราะปีนี้อย่างที่บอกว่าเผาจริง อาจจะยากนิดหน่อยเพราะมีการปรับเรื่องมาตรฐานบัญชีด้วย"แหล่งข่าวระดับสูงจาก CEI เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"

อนึ่ง CEI แจ้งผลประกอบการไตรมาส 1/52(ส.ค.-ต.ค.51) ขาดทุนสุทธิ 13.52 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 27.61 ล้านบาท

แหล่งข่าว กล่าวว่า ขณะนี้รายได้หลักมาจากการขายพัดลมและให้เช่าโรงงานบางส่วนที่ไม่ได้ใช้งาน โดยในด้านยอดขายพัดลมปีนี้คงซบเซาลงเหมือนกับบริษัทอื่น เพราะผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจค่อนข้างรุนแรง บ้านใหม่ก็ไม่ได้ติดพัดลมทุกหลัง มีเพียงเฉพาะบางบ้านที่อาศียพัดลมเป็นอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน

ดังนั้น จึงส่งผลให้รายได้รวมปีนี้อาจจะไม่ถึง 100 ล้านบาท โดยคาดว่ายอดขายปีนี้จะลดลงจากปีก่อนที่น่าจะได้ประมาณ 70 ล้านบาท โดยคามิเนต ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ก็ยังเป็นตัวแทนจำหน่ายอยู่ แต่บริษัทอาจจะปรับเปลี่ยนเงื่อนไขวิธีการทำงานให้สอดคล้องและดียิ่งขึ้น

"ยอดขายพัดลมที่ผ่านมาก็ยังลดลงเล็กน้อย แต่คงไม่ได้ถึงขนาดวูบหายไปเลย เพราะแบรนด์ของบริษัทก็ยังแข็งอยู่ในตลาดนี้ ปีนี้ประมาณการยอดขายสูงกว่าปีก่อนคงยาก ถึงแม้ออเดอร์จะมีเข้ามาแต่ถ้าเทียบแล้วก็อาจจะลดลงบ้าง"แหล่งข่าว กล่าว

สำหรับโรงงานในจีนช่วงที่ผ่านมายังขาดทุน แต่ช่วงนี้ยังไม่ได้รับรายงาน ปัญหาอยู่ที่สต็อกวัตถุดิบต่างๆ ซื้อมาในราคาสูง แต่ต้องผลิตและขายในราคาถูก จึงเกิดภาวะขาดทุน แม้ว่ามาร์จินยังเหมือนเดิม ซึ่งบริษัทก็เน้นการรักษามาร์จินไม่ให้ต่ำจนเกินไป จากก่อนหน้าอยู่ที่ 16% โดยจะคงไว้ในระดับ 15-16% ซึ่งส่วนหนึ่งจะไปรวมในการระบายสินค้าสต็อกเก่าที่ขายยาก

"จำเป็นต้องขายในราคาที่ต่ำกว่าทุน ซึ่งเมื่อถัวเฉลี่ยแล้วอาจจะทำให้มาร์จินลดลงบ้างก็ต้องยอม แต่ปีนี้พยายามไม่ให้มาร์จินลดลงมาก"แหล่งข่าว กล่าว

ส่วนธุรกิจให้เช่าโรงงาน สัดส่วนรายได้อยู่ที่ 15% ของรายได้รวม ซึ่งจะเป็นรายได้ที่ไม่มีต้นทุนเพิ่ม ปัจจุบันอัตราการเช่าเพิ่มขึ้นประมาณ 40-50% จากปี 51 หรือรวมมากกว่า 20 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 10 กว่าล้านบาท และการเช่าเป็นการเซ็นสัญญาปีต่อปี โดยแนวโน้มยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะมองว่าผู้ประกอบการจะเลือกการเช่าโรงงานมากกว่าที่จะลงทุนโรงงานเองในช่วงเศรษฐกิจเช่นนี้

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้มีลูกค้าเช่ามากขึ้นแต่ก็ไม่สามารถปรับราคาค่าเช่าขึ้นได้ เพราะยุคนี้มีแต่ลูกค้าขอลดค่าเช่า อย่างลูกค้าเก่าๆ ที่ครบสัญญาเช่าก็มีติดต่อขอลดค่าเช่ามา ซึ่งบริษัทก็พิจารณาเป็นรายๆ ไป เพื่อรักษาลูกค้าไว้ด้วยเนื่องจากคู่แข่งมีมาก บางรายก็ลดให้ประมาณ 3-4% เท่านั้น แต่ไม่ทุกราย และที่ลดให้ก็ไม่ได้ทำให้รายได้เราตกมาก

"โรงงานให้เช่าเป็นรายได้ที่ไม่มีต้นทุน ปีนี้ถ้ารายได้เพิ่มก็จะทำให้ผลประกอบการดีขึ้นในปี 52 นี้ แต่จะเป็นกำไรหรือเปล่าต้องดูกันอีกที"แหล่งข่าว กล่าว

บริษัทยังได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐชะลอทำให้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเป็นขาลง เนื่องจากบริษัทมีถือเงินสดราว 200-300 ล้านบาท ในอดีตเคยได้ดอกเบี้ยในระดับ 3-4% แต่ขณะนี้อัตราดอกเบี้ยลดลดลงทำให้รายได้จากดอกเบี้ยเงินฝากหายไปกว่าครึ่ง

"ตอนนี้มีเงินสดฝากแบงก์ 200-300 ล้านบาท เศรษฐกิจแบบนี้ฝากแบงก์ยังดีกว่าที่จะลงทุน" แหล่งข่าวกล่าว

ส่วนการจ่ายปันผลปีนี้ ต้องขึ้นอยู่กับผลประกอบการ หากขาดทุนตามเงื่อนไขก็คงไม่จ่าย แต่ถ้ามีกำไรก็ต้องจ่าย

อนึ่ง ที่ประชุมคณะกรรมการ CEI มีมติอนุมัติจัดสรรกำไรและจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 51 เป็นเงินปันผลจ่ายในอัตรา 0.08 บาทต่อหุ้น หรือ คิดเป็นประมาณร้อยละ 69 ของกำไรสุทธิ หลังหักเงินสำรองตามกฎหมาย

แหล่งข่าว CEI กล่าวถึง ความคืบหน้าธุรกิจเกี่ยวกับอุปกรณ์ประหยัดพลังงานและลดภาวะโลกร้อนลดโลกร้อนที่บริษัทกำลังเจรจากับพันธมิตรต่างประเทศ

"ถ้าจะลงทุนใหม่ตรงนี้คงต้องดูก่อนว่าเซกเม้นท์ตรงนั้นทำอะไร ได้อย่างไร ต้องรอประธานบริษัทฯชี้แจงในเรื่องนี้ ส่วนธุรกิจการผลิตเครื่องชุบเคลือบผิวน่าจะหยุดไปเลย เพราะตอนนี้ยังเงียบอยู่"แหล่งข่าว กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ