ASCON ใกล้เซ็น MOU อาบูดาบีเข้าถือหุ้น-ซัพพอร์ตงานหลังพลาดที่ดูไบ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 27, 2009 12:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพัฒนพงษ์ ตนุมัธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แอสคอน คอนสตรัคชั่น(ASCON)ยืนยันความตั้งใจรุกขยายช่องทางรับงานใหม่ในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เตรียมบินไปเซ็น MOU กับพันธมิตรในอาบูดาบีเร็ว ๆ นี้ เพื่อเข้ามาเป็น Strategic Partner และช่วย support งาน หลังจากพลาดงานแรกในดูไบเนื่องจากไม่มีไลเซ่นส์

"อาทิตย์นี้ผมจะบินไปเซ็น Step หนึ่งก่อน เรื่องการเข้ามาร่วมกันก่อนในเบื้องต้น แล้วก็จะมี Step ที่สองตามมาหลังจากที่ได้ร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กันแล้ว เข้าสู่ระดับที่เป็นสปอนเซอร์ให้"นายพัฒนพงษ์ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"

บริษัทยังไม่เร่งรัดให้พันธมิตรรายใหม่ดังกล่าวเข้ามาถือหุ้นในขณะนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทมีแผนจะเพิ่มทุนใหม่เพื่อเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง(PP)ราคาสูงกว่าในกระดาน แต่บริษัทอาจจะเปิดเจรจากันหลังจากมีการประมูลงานในอาบูดาบีแล้ว โดยมองว่าเป็นจังหวะเวลาที่ดีในการ win-win ทั้งสองฝ่าย

"ผมไม่ได้เร่งให้เขาซื้อ(หุ้น ASCON)ตอนนี้ ถ้าผมประมูลงานได้แล้วเข้ามาซื้อผมจะชอบใจมากกว่า มัน WIN WIN ถ้าซื้อตอนนี้แล้วช่วยให้ได้งานคงจะต่อรองกันแหลก แต่ถ้าได้งานแล้วมาซื้อผมได้ราคาดีคนซื้อได้ Upside"นายพัฒนพงษ์ กล่าวถึงความตั้งใจเดิมที่จะเปิดทางให้พันธมิตรเข้ามาถือหุ้นในสัดส่วน 20%

นายพัฒนพงษ์ กล่าวถึงงานที่ดูไบที่ก่อนหน้านี้บริษัทชนะประมูลงานมูลค่า 1.6 หมื่นล้านบาทว่า ขณะนี้บริษัทติดปัญหาเรื่องใบอนุญาตก่อสร้างจากทางการในดูไบ จึงได้ตัดสินใจขอยกเลิกไปก่อน ซึ่งไม่น่าจะมีผลเสียหายกับบริษัท เนื่องจากยังไม่มีการเซ็นสัญญา แต่ในอนาคตหากแก้ปัญหาเรื่องใบอนุญาตได้ก็พร้อมจะกลับมารับงานในดูไบอีกครั้ง

"ดูไบหรือ ตอนนี้ไม่เอา แต่ก็ไม่เสียหายเพราะยังไม่ได้เซ็นสัญญา ที่ดูไบมันมีปัญหาเรื่องขอไลเซ่นส์แบบอันลิมิต ถึงจะประมูลงานได้แต่ไม่มีไลเซ่นก็ไม่มีประโยชน์"นายพัฒนพงษ์ กล่าว

นายพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ปัจจุบัน ASCON มีงานในมือ 6 พันล้านบาท และในปี 52 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตแบบ Conservative ในอัตรา 10-15% แต่หากดูตัวเลขงานในมือก็น่าจะเติบโตได้มากกว่านั้น

"ปี 52 ถ้าเอาแบบ Conservative ก็จะขอโตแค่ 10-15% แต่ถ้าดูจาก Backlog ในมือและทำงานได้ตามแผนก็น่าจะมากกว่านั้น มันต้องเป็น 30-50% ถึงเศรษฐกิจโลกจะแย่แต่เรามีงานในมือเยอะ แต่ก็ต้องห่วงอีกว่าผู้ว่าจ้างจะมีกำลังจ่ายหรือไม่"นายพัฒนพงษ์ กล่าว

ส่วนปี 51 รายได้ไม่น่าจะถึง 3 พันล้านบาท อาจจะได้เท่าประมาณการณ์เดิมที่ 2.6 พันล้าบาท เพราะปีที่แล้วประเทศเกิดเหตุวุ่นวายด้านการเมือง ราคาวัสดุปรับตัวสูงขึ้น

*ยังเดินหน้าเรื่องซื้อหุ้นคืนจาก"เลห์แมนฯ"-Swap หุ้นบ.ย่อยกับโครงการนอกตลาดฯ

นายพัฒนพงษ์ กล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องแผนการเข้าซื้อหุ้น ASCON จำนวน 22.5 ล้านหุ้น รวมวอแรนต์ 7.5% จากกลุ่มเลห์แมน บราเธอร์นั้น คาดว่าต้องรออีก 3 เดือน เนื่องจากผู้บริหารแผนฯ กำลังดำเนินการอยู่

ส่วนแผนเข้าเทคโอเวอร์โครงการที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ด้วยการแลกหุ้นกับบริษัทย่อยของ ASCON คือ บริษัท แอสคอน ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัดนั้น จนถึงตอนนี้ก็ยังดำเนินการอยู่ แต่มองว่าช่วงเวลา สภาวะการณ์ข้างนอก อย่างไรก็ตาม ปีนี้อาจจะได้ข้อสรุป

"เรามองว่าช่วงเวลา สภาวะการณ์ข้างนอกไม่ค่อยจะดี เลยยังคุยค้างไว้อยู่ เดี๋ยวดูอีก 1-2 เดือนก่อนว่าสถานการณ์เศรษฐกิจข้างนอกเป็นไง กำลังซื้อเป็นยังไง หยุดไปเลยหรือเปล่า หรือฟื้นมาได้...เป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่ขึ้นโครงการเป็นตัวตึกแล้ว"นายพัฒนพงษ์ กล่าว

*ยืนยันไม่เคยใช้ข้อมูลอินไซต์หุ้น ASCON แต่ยอมเสียค่าปรับ

นายพัฒนพงษ์ กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานคระกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)สั่งเปรียบเทียบปรับเพราะใช้ข้อมูลภายในซื้อหุ้น ASCON ว่า เรื่องนี้จบไปแล้ว ก็จ่ายค่าปรับไปเรียบร้อยและทำหนังสือชี้แจงไปยัง ก.ล.ต.แล้วเช่นกัน เพื่อแลกกับการที่จะไม่ถูกขึ้นแบล็กลิสต์

"ความจริงได้ทำหนังสือชี้แจงไปตั้งแต่ก่อน ก.ล.ต.จะมีคำสั่งเปรียบเทียบปรับออกมาด้วยซ้ำ เรื่องมีอยู่ว่าผมไปซื้อหุ้น ASCON เพิ่มจำนวน 100,000 หุ้น ก่อนที่กรรมการจะมีมติเรื่องการเพิ่มทุน ซื้อในตลาดฯ และโชว์ชื่อ แจ้งตลาดฯเรียบร้อย หุ้นนี้ผมก็ยังถืออยู่เลย 2 ปีกว่าแล้ว...ผมทำหนังสือชี้แจงไปแล้วว่าหุ้นจำนวนนี้ยังไม่ได้ขายออกไปเลย แต่ไม่มีน้ำหนักพอ และสุดท้าย ก.ล.ต.ก็มีคำสั่งเปรียบเทียบปรับออกมาอย่างที่ทราบกัน...ทางนั้นบอกว่ามี 2 ทางเลือก คือจะสู้ก็ได้ ก็จะถูกกล่าวโทษและไปที่ DSI ไปสู้คดี หรือทางเลือกที่ 2 คือมาให้เปรียบเทียบปรับก็จะไม่โดนแบล็กลิสต์ เราก็เลือกทางที่ 2"นายพัฒนพงษ์ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ