นายสมพงษ์ เผอิญโชค กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์(TRU)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทอยู่ระหว่างปรับแผนดำเนินธุรกิจในปี 52 ด้วยการมองหาธุรกิจใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะรถที่มีนวัตกรรมสูงขึ้น เพื่อให้บริษัทสามารถประคองธุรกิจให้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกส่งผลให้กำลังซื้อลดลง และภาพรวมอุตสาหกรรมรถยนต์ที่มีแนวโน้มลดลง 30% ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ดังนั้น ในปีนี้บริษัทจึงตั้งความหวังแค่เพียงประคองรายได้ให้อยู่ในระดับเดียวกับปี 51
ทั้งนี้ ปี 51 บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตรายได้ 20-25% จากปี 50 ที่มีรายได้ประมาณ 2.3-2.4 พันล้านบาท
สำหรับแผนเบื้องต้นในการดำเนินธุรกิจใหม่ ได้แก่ การดัดแปลงรถยนต์รถ Station Wagon เป็นรถลีมูซีนเพื่อใช้ในการท่องเที่ยว โรงแรม หรือ ดัดแปลงเป็นรถพยาบาล นอกเหนือ จากธุรกิจเดิมที่เป็นผู้ผลิตรถยนต์และผู้ผลิตชิ้นส่วน เพราะเชื่อว่าผลิตภัณฑ์ใหม่น่าจะช่วยหล่อเลี้ยงการเติบโตในปี 52 ได้มากกว่าการเติบโตจากธุรกิจหลัก
ขณะเดียวกันบริษัทก็จะชะลอการลงทุนราว 300-400 ล้านบาทในเครื่องจักรแม่พิมพ์ และเครื่องจักรผลิตชิ้นส่วนไปก่อน แต่อย่างไรก็ตามในเรื่องของรถดัดแปลงใน 1-2 สัปดาห์นี้บริษัทจะเสนอต่อกระทรวงการคลังให้ผ่อนคลายหรืออนุญาตให้สามารถดำเนินการได้จากปัจจุบันที่มีข้อจำกัด เช่น หากเป็นรถยนต์ 7 ที่นั่งก็จะเสียภาษีจดทะเบียนในอัตราที่สูง โดยเชื่อว่าทางการจะอนุมัติเนื่องจากจะเป็นการลดการนำเข้าและเกิดการจ้างงาน
นายสมพงษ์ กล่าวว่า บริษัทยังให้ความสำคัญต่อตลาดชิ้นส่วนในต่างประเทศที่ปัจจุบันมีสัดส่วน 10% ของรายได้ รวมทั้งการผลิตชิ้นส่วนประเภท jig แม่พิมพ์ในประเทศจีนกับอินเดียนั้นก็ยังคงให้ความสำคัญต่อเนื่อง เพราะความต้องการในประเทศดังกล่าวยังมีอยู่สูง แต่จะมีการเพิ่ม Product และ segmemt ใหม่ๆ เช่น การผลิตเครื่องมือชนิดพิเศษ แต่คงจะต้องดูความต้องการในตลาดนั้นด้วย
ส่วนโครงการรถเมล์ NGV จำนวน 4 พันคันของ ขสมก.นั้นบริษัทพร้อมที่จะเข้าไปรับงานหรือเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วน แต่ก็คงจะต้องรอดูการประกาศที่ชัดเจนจากรัฐบาลอีกที ส่วนธุรกิจปัจจุบันขณะนี้ลดกำลังผลิตลงประมาณ 40-50%
"ความสำคัญต่อไปนี้คือดีมานด์จริงๆ และการหา Product ใหม่ ๆ segmemt ใหม่ๆ มาหล่อเลี้ยงธุรกิจและการดำเนินงานในปี 52 เพราะภาพรวมอยู่ในสภาพนี้ใครๆก็ได้รับผลกระทบ แต่ชีวิตยังมีหวังหากภาครัฐให้การสนับสนุนในการให้ทำรถดัดแปลงหรือมีโครงการรถเมล์ NGV ของรัฐบาลออกมาก็น่าจะช่วยได้และอาจจะทำให้การเติบโตของรายได้เราเพิ่มขึ้นอย่างมีนัย แต่ในทางกลับกันหากไม่เป็นอย่างที่คิดรายได้ก็คงจะลดลงหรืออย่างเก่งก็ประคองตัวให้ได้ในระดับเดียวกับปี 2551"นายสมพงษ์กล่าว