โบรกเกอร์แนะ"ลงทุน"หุ้น บมจ.ไทยคม(THCOM)มองธุรกิจดาวเทียม IPSTAR ปีนี้จะเริ่มถึงจุดคุ้มทุน ยิ่งเปิดตลาดในอินเดียซึ่งเป็นตลาดใหญ่ จะทำให้บริษัทมีรายได้ดีขึ้นในปีนี้ และสามารถพลิกมีกำไรด้วย โดยประเมินว่ากลางปีหรือในไตรมาส 2/52 จะเซ็นสัญญาเปิดบริการในตลาดอินเดียได้ ขณะที่วันนี้มีข่าวรอเซ็นสัญญาแล้วทำให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้นมา แต่ไม่แนะให้เล่นระยะสั้น ควรลงทุนระยะยาวตามลักษณะธุรกิจที่มีการลงทุนใหญ่เพียงครั้งเดียว จากนั้นรอรับรายได้ ถือเป็นการซื้ออนาคตธุรกิจ
ราคา THCOM ล่าสุด เมื่อ 16.02 น.อยู่ที่ 3.74 บาท บวก 0.24 (+6.86%) โดยในปี 52 ราคาขึ้นไปสูงสุดที่ 3.80 บาท เมื่อ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) บล.ฟิลลิป ซื้อลงทุน 7.10 บล.โกลเบล็ก ซื้อลงทุน 6.30 บล.ไซรัส ซื้อลงทุน 4.00 บล.กรุงศรีอยุธยา เก็งกำไร 4.90
น.ส.จิตรา อมรธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ไซรัส กล่าวว่า หุ้น THCOM เหมาะลงทุนระยะยาวตามธุรกิจดาวเทียมที่มีการลงทุนเพียงครั้งเดียว มีค่าใช้จ่ายคงที่ ส่วนรายได้จะทยอยเพิ่มขึ้นจนกระทั่งคงที่ ซึ่งในด้านเทคโนโลยีมาถูกทางแล้วในการใช้ดาวเทียม IPSTAR เป็นเทคโนโลยีมาเสริมกับอินเตอร์เน็ตและโทรศัพท์พื้นฐาน
แต่ที่ผ่านมาการเปิดตลาดใหญ่ที่จีนและอินเดีย สร้างความผิดหวัง โดยเลื่อนแผนมาตลอดทำให้ปรับลดราคาเป้าหมายลงไป โดยที่อินเดียบริษัทมีความพยายามจะเปิดตลาดมา 2 ปีแล้ว ตั้งแต่ครึ่งปีหลังปี 51 จนกระทั่งไตรมาส 4/51 ฉะนั้น จึงมีความเป็นไปได้ที่จะเปิดตลาดอินเดียสำเร็จในปีนี้ เพราะมีแผนเปิดตลาดตั้งแต่ปีก่อนแล้ว
"รายได้ปีนี้ก็ควรจะดีขึ้น ถ้าไม่เป็นอย่างนั้นก็ใช้ไม่ได้แล้ว เพราะบริษัทก็ทำธุรกิจนานแล้ว อย่างอินเดียเขาควรจะได้ตั้งแต่ปีที่แล้ว"น.ส.จิตรา กล่าว
ล่าสุด บริษัทอยู่ระหว่างขนย้ายอุปกรณ์ที่จะติดตั้งรับสัญญาณดาวเทียม IPSTAR หรือ เกตเวย์ ซึ่งมารออยู่ที่ท่าเรือแล้ว รอแค่นำเข้ามาติดตั้งอุปกรณ์ หากดำเนินการแล้วเสร็จก็ถึงขั้นตอนเจรจาขายแบนด์วิธ และอุปกรณ์รับสัญญาณปลายทาง(UT) หากบริษัทประสบผลสำเร็จในตลาดอินเดียมาก ราคาหุ้นก็มีโอกาสจะวิ่งไปได้ถึง 6 บาท
"แต่วันนี้ที่ราคาหุ้นขึ้น แค่มีข่าว แสดงว่าคนเก็งข่าว เชื่อว่าถ้าข่าวนี้เมื่อเป็นจริง ถ้าคนเล่นตามข่าวก็ต้องขายออกไป" น.ส.จิตรา กล่าว
ทั้งนี้ บล.ไซรัสได้ปรับเป้าหมายลงหลังจากที่ผิดหวังบริษัทในการเข้าทำตลาดที่ประเทศจีน และ อินเดีย ซึ่งเป็นตลาดหลักของดาวเทียม IPSTAR
นักวิเคราะห์จากบล.ฟิลลิป กล่าวว่า แม้ว่าจะแนะนำ"ซื้อ" แต่ THCOM ก็ยังมีความเสี่ยงว่าตลาดอินเดียจะเริ่มทำตลาดได้เมื่อไร ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างติดตั้งเกตเวย์ แต่คาดหวังจะเริ่มให้บริการได้ในปี 52 จากทีเลื่อนมาจากปีก่อน ส่วนตลาดจีน แม้ได้ติดตั้งเกตเวย์ แต่การทำตลาดล่าช้า
"ปีนี้เราคาดหวังว่าจะเปิดให้บริการในตลาดอินเดีย เราก็มองว่าปีนี้ น่าจะมีกำไรได้ แต่ก็ไม่มาก...ให้ถือยาวอยู่แล้ว เพราะเป็นการลงทุน ซึ่งยังไม่ได้เริ่มที่อินเดียเลย คือเป็นการเข้าไปซื้ออนาคต" นักวิเคราะห์ กล่าว
ด้านบล.กรุงศรีอยุธยา ระบุว่า ผลประกอบการ THCOM มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากรายได้ทั้งธุรกิจดาวเทียม บริการโทรศัพท์ และอินเตอร์เน็ต ส่งผลให้งวดปี 51 คาดว่าบริษัทจะเริ่มมีกำไรจากการดำเนินงานพลิกกลับมาเป็นบวกจากขาดทุน
ส่วนในปี 52 บริษัทจะมีการทำสัญญาให้บริการเช่าสัญญานดาวเทียมเพิ่มขึ้นในอีก 5-6 ประเทศ ซึ่งจะทำให้ธุรกิจ IPSTAR เริ่มเข้าสู่จุดคุ้มทุน ผลกำไรจากการดำเนินงานจะเติบโตก้าวกระโดด 663% YoY ในระยะสั้นยังมีประเด็นบวกจากการรอเปิดให้บริการ IPSTAR ในประเทศอินเดีย ซึ่งยังไม่ได้นับรวมในประมาณการ จะเป็นตัวเพิ่มรายได้ในอนาคต
ทั้งนี้ คาดว่าการทำสัญญาจะเกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งของประเทศอินเดียที่จะเกิดขึ้นในช่วงกลางหรือไตรมาส 2/52 นี้ โดยเราประเมินผลประกอบการของ IPSTAR แบบอนุรักษ์นิยม คาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนภายในปีนี้จากยอดขายสะสม UT ที่ระดับ 2.5 แสนหน่วย ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำกำไรมีแนวโน้มดีขึ้น โดยประเมินอัตรากำไรขั้นต้นของ THCOM ปรับตัวดีขึ้นจาก 19% ในปี 51 เป็น 21% ในปี 52 และคาดว่าบริษัทจะมีกำไรจากการดำเนินงานปรับเพิ่มขึ้น 663% YoY เป็น 113 ล้านบาท
ธุรกิจดาวเทียม IPSTAR มีการเซ็นสัญญาให้บริการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในหลายประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ในขณะที่ประเทศอินเดียซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่ (คิดเป็น 17.5% ของ Capacity IPSTAR)