ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 58.70 จุด ขานรับกำไร"เอเม็กซ์"

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday January 28, 2009 06:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (27 ม.ค.) ซึ่งเป็นการปิดบวกติดต่อกัน 2 วันทำการ หลังจากบริษัทหลายแห่ง รวมถึงบริษัทยูไนเต็ด สเตทส์ สตีล (ยูเอส สตีล) และอเมริกัน เอ็กซ์เพรส (เอเม็กซ์) เปิดเผยตัวเลขกำไรแม้ต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้นเกือบทั่วกระดาน อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นในกรอบจำกัดหลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อ่อนแอ

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 58.70 จุด หรือ 0.72% แตะที่ 8,174.73 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 9.14 จุด หรือ 1.09% แตะที่ 845.71 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 15.44 จุด หรือ 1.04% แตะที่ 1,504.90 จุด

ปริมาณการซื้อในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.17 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 7 ต่อ 3 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 1.82 พันล้านหุ้น

จิม คิง หัวหน้านักวิเคราะห์จากเนชันแนล เพนน์ อินเวสเตอร์ส ทรัสต์ กล่าวว่า ในช่วงเช้านั้นตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงหลังจากสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนม.ค.ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 42 ปี เนื่องจากผู้บริโภควิตกกังวลต่อข่าวการปลดพนักงานของบริษัทเอกชน โดยผลสำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ซึ่งจัดทำโดยสมาคมธุรกิจแห่งชาติของสหรัฐ (NABE) บ่งชี้ว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าบริษัทเอกชนทั่วโลกอาจจะลดการจ้างงานลงอีกในอีก 6 เดือนข้างหน้า ซึ่งนับเป็นอีกปีหนึ่งที่พนักงานภาคเอกชนต้องเผชิญภาวะวิกฤติ

ไมโครซอฟท์เปิดเผยว่าบริษัทเตรียมลดพนักงาน 5,000 คนในอีก 18 เดือนข้างหน้า ขณะที่อินเทล คอร์ป เตรียมลดคนงานด้านการผลิต 6,000 คน และสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส เตรียมลดพนักงาน 1,000 คน

แคทเทอร์พิลลาร์ อิงค์ และโฮม ดีโปท์ เปิดเผยว่าในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ทางบริษัทจะปลดพนักงานอย่างน้อย 74,000 คน เนื่องจากยอดขายทรุดตัวลงและเศรษฐกิจถดถอยรุนแรง

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กเริ่มดีดตัวขึ้นมาเคลื่อนไหวในแดนบวก หลังจากยูเอส สตีล, เอเม็กซ์ และเท็กซัส อินสตรูเมนท์ รวมถึงบริษัทเน็ทฟลิกซ์ สามารถทำกำไรได้ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งข่าวการทำกำไรของบริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าภาคเอกชนยังมีพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่งและสามารถฝ่าฟันภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ดีกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้

บริษัท อินเตอร์เนชั่นเนล บิสิเนส แมชชีน คอร์ป (ไอบีเอ็ม) เปิดเผยผลกำไรไตรมาส 4 ปี 2551 พุ่งขึ้น 12% แตะที่ 4.43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 3.28 ดอลลาร์/หุ้น ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 3.95 พันล้านดอลลาร์ หรือ 2.80 ดอลลาร์/หุ้นในปีก่อน และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ เนื่องจากไอบีเอ็มควบคุมต้นทุนการใช้จ่ายอย่างรัดกุม นอกจากนี้ ไอบีเอ็มคาดว่าบริษัทจะมีกำไรอย่างน้อย 9.20 ดอลลาร์/หุ้นในปี 2552 ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ราว 45 เซนต์/หุ้น

ทั้งนี้ หุ้นเอเม็กซ์พุ่งขึ้นเกือบ 10% ซึ่งช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ขึ้นมากที่สุด ขณะที่หุ้นเท็กซัส อินสตรูเมนต์ บวก 3.7% หุ้นซิตี้กรุ๊ปพุ่ง 6.6% หลังซีอีโอซิตี้กรุ๊ปยืนยันแผนปรับลดต้นทุนในองค์กร

นักลงทุนส่วนใหญ่จับตาดูการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะเสร็จสิ้นในคืนวันพุธ ตามเวลาประเทศไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (Fed Fund Rate) ไว้ที่ช่วง 0-0.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐยังอยู่ในภาวะถดถอย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ