นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ประกาศวิสัยทัศน์ปี 2552 โดยมั่นใจว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์ มีศักยภาพที่จะเข้าไปต่อยอดขยายการผลิตอาหารสำเร็จรูปจากปลาที่ผลิตในประเทศเวียดนามแล้วส่งออกไปขายทั่วโลก เนื่องจากปลาที่เวียดนามส่งออกเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก
นอกจากนี้ ยังมีศักยภาพที่จะขยายธุรกิจสัตว์น้ำไปที่ อินเดีย บังคลาเทศ พม่า และกัมพูชา ได้เช่นกัน
"เชื่อมั่นว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์มีโอกาสอีกมากในการขยายธุรกิจอาหารแปรรูปสัตว์น้ำ เพราะแนวโน้มที่ประชาชนทั่วโลกหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ทำให้หันมาบริโภคปลา และกุ้งมากขึ้น"
นายธนินท์ ได้ประกาศวิสัยทัศน์ประจำปี 2552 ในงานฉลองครบรอบ 88 ปีเจียไต๋-เครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยมีผู้บริหารระดับสูงและพนักงานกว่า 400 คนร่วมรับฟัง เมื่อเร็ว ๆ นี้
ในการนี้นายธนินท์ได้แสดงความมั่นใจว่าเครือเจริญโภคภัณฑ์จะสามารถฝ่าฟันวิกฤติเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้เพราะเครือเจริญโภคภัณฑ์มีธุรกิจหลักด้านเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร ที่มุ่งเน้นไปสู่การผลิตอาหารสำเร็จรูปที่มีคุณภาพและมีแบรนด์เป็นของตัวเอง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต
"วันนี้เรารู้แน่ ๆ ว่า อนาคตคนจะหันมาบริโภคปลา และกุ้งมากขึ้น และทั่วโลกต่างทราบดีว่าเครือเจริญโภคภัณฑ์เป็นธุรกิจที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในระดับโลก จึงเชื่อมั่นว่าถ้าเครือเจริญโภคภัณฑ์เดินหน้าอย่างเต็มที่ในธุรกิจสัตว์น้ำ จะสามารถก้าวเป็นที่หนึ่งของโลกได้" นายธนินท์ กล่าว
สำหรับธุรกิจร้าน "ซีพีเฟรชมาร์ท" นายธนินท์ เห็นว่าเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีอนาคต เพราะซีพีเฟรชมาร์ทเป็นช่องทางหลักในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ภายใต้แบรนด์ของ ซี.พี.ซึ่งสามารถขยายธุรกิจไปได้ทั่วโลก โดยปัจจุบันมีการขยายธุรกิจ "ซีพีเฟรชมาร์ท" ไปที่ประเทศเวียดนามแล้ว
นอกจากนี้นายธนินท์ได้ตอกย้ำให้ผู้บริหารทุกระดับต้องเร่งสร้างและพัฒนาคน โดยเปิดโอกาสแก่คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ได้แสดงความรู้ความสามารถอย่างเต็มที่ รองรับการเติบโตของธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งให้ความสำคัญในการพัฒนาระบบลอจิสติกส์ให้มีมาตรฐานเทียบเท่าประเทศชั้นนำทางเศรษฐกิจ