นายสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ. อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น (ILINK) เปิดเผยว่า บริษัทเชื่อว่าการเติบโตของรายได้ปี 52 ยังเติบโตต่อเนื่องจากปี 51 โดยบริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ที่ 1.2 พันล้านบาท จากปี 51 ที่คาดว่ารายได้จะอยู่ที่ 1,080 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิคาดว่าจะอยู่ประมาณ 110 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทยังได้รับงานต่อเนื่อง
โดยล่าสุดได้รับงานก่อสร้างเคเบิ้ลใต้น้ำของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จากเกาะล้าน-เกาะสีชัง และ เกาะปูยู จ.สตูล ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา คาดว่าจะรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาสและไตรมาส 2 ปีนี้ ซึ่งเมื่อรวมกับงานในมือที่มีอยู่ รวมทั้งหมด 428.80 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในปี 52
ขณะที่สัดส่วนรายได้ในปี 52 จะมาจากธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณสื่อสารคอมพิวเตอร์และโทรคมนาคม (Distribution) 58.75% จาก 60% ในปี 51 ธุรกิจวิศวกรรมวางระบบสายไฟเบอร์ออพติค และสายเคเบิ้ลทุกชนิด 41.25% จาก 40% ในปี 51
สำหรับแผนงานปีนี้เตรียมเปิดสาขาในภาคตะวันออกเพิ่มอีก 1 สาขา เพื่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีตัวแทนจำหน่ายที่ ลาว 3 ราย เวียดนาม 1 ราย
นายสมบัติ กล่าวต่อว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมการในการเข้าประมูลงานใหม่ที่มีมูลค่ากว่า 2 พันล้านบาทส่วนใหญ่เป็นงานซับมารีน และงานไฟเบอร์ออพติค คาดว่าจะได้รับงาน 500-600 ล้านบาท
สำหรับการสร้างรายได้ปีนี้ที่วางไว้ 1.2 พันล้านบาท เพราะบริษัทมีงานอยู่ในมือแล้ว 400 ล้านบาทและยังมีงานด้านอื่นๆ อีก ซึ่งานรับงานยังคงให้ความสำคัญกับงานภาครัฐเพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วน 45% จาก 40% ในปีก่อน เนื่องจากมองว่าภาครัฐจะมีการกระตุ้นการลงทุน โดยเฉพาะสายไฟเบอร์ต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมา บริษัทได้รับงานในส่วนของไฟเบอร์ ออพติคของราชการ ซึ่งในปีนี้ก็คาดว่าจะได้รับงานไฟเบอร์ออพติคขององค์การโทรศัพท์ด้วย
อีกทั้งแม้ว่างานของภาครัฐจะออกมาช้าแต่ก็มีความแน่นอนและถือว่ามีความเสี่ยงน้อบกว่าการรับงานเอกชนในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัว
อย่างไรก็ตาม ในภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่งผลให้บริษัทมีการปรับแผนการลงทุนก่อสร้างคลังสินค้าออกไปในปี 53 จากเดิมที่วางไว้จะเห็นในช่วงปลายปี 52 เนื่องจากต้องการถือเงินสดไว้ในภาวะปัจจุบัน ถึงแม้ว่าจะได้มีการซื้อที่ดินมาแล้ว 20 ล้านบาท ย่านวงแหวนบางนา บางปะอินไว้แล้ว แต่ก็เชื่อว่าการก่อสร้างคลังสินค้าจะช่วยลดต้นทุนและยังเป็นการรองรับสายไฟเบอร์ออพติคที่สั่งมาไว้ในสต็อค
นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการวางแผนนำสินค้าใหม่ คือ ท่อพีวีซีมาจำหน่ายเพื่อรองรับความต้องการของงานไฟเบอร์ออพติคและเป็นการขยายงานรองรับการเติบโตในอนาคต
สำหรับกำไรในปี 52 ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 110 ล้านบาทนั้น ถือว่าเป็นการเติบโตของกำไรไม่มากนักเมื่อเทียบกับปี 51 แต่ก็ถือว่าพอใจภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจชะลอตัวแบบนี้ แต่ก็จะพยายามบริหารให้มีประสิทธิภาพ และการลดต้นทุนต่างๆ ที่ไม่จำเป็น แต่ในส่วนของการจ่ายปันผลงวดปี 51 นั้น ภายใต้กำไรสุทธิที่คาดว่าจะมีกำไรที่ 100 ล้านบาท จากปี 50 ที่มีกำไร 60 ล้านบาท ทำให้ความสามารถในการจ่ายปันผลในงวดปี 51 จะจ่ายได้มากกว่าปี 50 ที่จ่ายประมาณ 30 สตางค์
"ต้องยอมรับว่าปีนี้เป็นปีที่ CEO จะต้องเหนื่อย ไม่ว่าบริษัทไหนก็ต้องต่อสู้กับสถานการณ์เศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัว แต่เราโชคดีที่เรามองและเตรียมแผนรองรับไว้ไม่ว่าจะเป็นงานอินเตอร์ลิ้งค์เทเลคอม และอินเตอร์ลิงค์เอ็นเนอยี่ ที่จะเริ่มสร้างรายได้ให้บริษัทในปีนี้และ 2 บริษัทนี้ยังมีอนาคตสดใส"นายสมบัติ กล่าว