ADVANC ตั้งเป้าสมาชิก"123 Calling GRAMMY"1 ล้านรายใน 6 เดือนแรก

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday January 28, 2009 14:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิกรม ศรีประทักษ์ หัวหน้าคณะผู้บริหาร เอไอเอส บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) เชื่อว่าในปีนี้ธุรกิจนอนวอยซ์ยังมีโอกาสที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปี 2551 ที่เอไอเอสมีรายได้จากธุรกิจนอนวอยซ์อยู่ที่ประมาณ 11,000 ล้านบาท สำหรับปี 2552 คาดว่าจะเติบโตขึ้นอีก 25% หรือประมาณ 13,700 ล้านบาท โดยคอนเทนต์ด้านมิวสิคมีสัดส่วนเป็นอันดับหนึ่ง คิดเป็น 20% ของทั้งหมด

โดยล่าสุด เอไอเอสได้ร่วมกับ บมจ. จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ (GRAMMY) เปิดให้บริการ *123 Calling Grammy ซึ่งเป็นแพ็คเกจ Unlimited Download ครั้งแรกของวงการเพลงรอสาย เพื่อมอบความคุ้มค่าในการใช้บริการให้กับลูกค้าเอไอเอส สามารถดาวน์โหลดเพลงรอสายของค่ายแกรมมี่ได้แบบไม่อั้น ยกทั้งค่าย ทั้งเพลงไทยสากล และเพลงลูกทุ่ง ในราคาเพียง 20 บาท/เดือน จากราคาปกติในท้องตลาดอยู่ที่ 20 บาทต่อเพลง

โดยลูกค้าเอไอเอส ทั้งผู้ที่มีบริการเพลงรอสายอยู่แล้วและยังไม่มี สามารถสมัครแพ็คเกจ Calling Grammy ได้เลย เพียงกด *123 แล้วโทรออก จากนั้นไม่ว่าจะดาวน์โหลดเพลง เปลี่ยนเพลง จัดอัลบั้มเพลงของแกรมมี่ สามารถกดเข้าไปทำรายการผ่านทาง *123 ได้เลย (ค่าทำรายการนาทีละ 3 บาท) มีหมวดเพลงให้เลือก ทั้งเพลงไทยสากล และเพลงลูกทุ่ง ประกอบด้วย 6 เมนู ได้แก่ เพลงใหม่แกะกล่อง, เพลงท็อปฮิต โหลดมากที่สุด, เพลงแนะนำน่าโหลด, เพลงพิเศษไม่เหมือนใคร, เพลงประกอบหนังละคร, คลังเพลงเก่าที่คุณคิดถึง

ปัจจุบัน เอไอเอสมียอดผู้ใช้คอลลิ่งเมโลดี้ รวม 6 ล้านราย คิดเป็น 23% ของฐานลูกค้า โดยตั้งเป้าไว้ว่า จะมียอดลูกค้าสมัครเป็นสมาชิกบริการ *123 Calling Grammy ถึง 1 ล้านภายใน 6 เดือน และมองว่าบริการนี้จะเป็นต้นแบบโมเดลทางธุรกิจในลักษณะ Unlimited Download ที่กำลังเป็นเทรนด์ใหม่ของการดาวน์โหลดต่อไปในอนาคต ซึ่งจะมาเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมการดาวน์โหลดของลูกค้า ให้สนุกกับการเลือกเพลงอย่างไม่จำกัด เปลี่ยนเพลงได้บ่อยตามที่ต้องการ โดยราคาไม่ใช่อุปสรรคในการตัดสิน

*"แกรมมี่" ผนึก “เอไอเอส" ขยายตลาดเพลงรอสาย

ด้านนายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการ GRAMMY เปิดเผยว่า การร่วมงานกับ เอไอเอส เพื่อขยายตลาดเพลงรอสาย ซึ่งเป็นตลาดคอนเทนต์เพลง ดิจิตอล ที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และปลอดการละเมิดลิขสิทธิ์ 100%

นอกจากนี้ ความร่วมมือดังกล่าวจะทำให้บริษัทฯ มีช่องทางจำหน่ายคอนเทนต์ดิจิตอล เหมาะกับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคปัจจุบันเพิ่มขึ้น อีกทั้งทำให้ต้นทุนต่ำ และลดความเสี่ยง เพราะไม่มีการคืนสินค้า ไม่มีต้นทุนค่าขนส่ง ไม่มีต้นทุนค่าผลิต และไม่มีต้นทุนคลังสินค้า ขณะเดียวกันทำให้มีช่องทางจำหน่ายเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง สามารถรับรู้ความต้องการของตลาด เพื่อนำไปเป็นข้อมูลวางกลยุทธ์บุกตลาดได้อย่างแม่นยำมากขึ้น

รวมทั้งยังช่วยขยายฐานลูกค้ากลุ่มที่ใช้มือถือเอไอเอสให้มาเป็นลูกค้าจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่เพิ่มขึ้น อีกทั้งเป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคที่นิยมซื้อเพลงต่อเพลง มาเป็นสมาชิกจ่ายเงินประจำเดือน (Subscriber) ทำให้เกิดรายได้แบบยั่งยืน (Sustainable) และยังสามารถเก็บเป็นฐานข้อมูลลูกค้า เพื่อบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า (Customer Relationship Management หรือ CRM) นำไปสู่โอกาสการทำตลาดอื่นๆ เพราะบริษัทฯ ยังมีสินค้าเพลงอีกจำนวนมาก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ