นายเศรษฐสรร เศรษฐการุณย์ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.น้ำมันพืช(TVO)กล่าวกับ“อินโฟเควสท์"โดยคาดว่าผลประกอบการของบริษัทในไตรมาส 4/51 จะออกมาขาดทุน หลังจากที่ราคาน้ำมันถั่วเหลืองในตลาดโลกปรับลดลงรุนแรง ทำให้บริษัทขาดทุนจากสต็อก เนื่องจากราคาสต็อกน้ำมันถูกกำหนดตามราคาตลาด(Mark to Market)ส่งให้บริษัทประสบภาวะขาดทุน
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าในปี 51 ผลประกอบการโดยรวมของบริษัทยังคงมีกำไร แต่น้อยกว่าปี 50 ที่มีกำไรสุทธิจำนวน 1,256.39 ล้านบาท และบริษัทยังมีแผนจ่ายเงินปันผลตามนโยบายการจ่ายปันผลไม่น้อยกว่า 60% ของกำไรสุทธิในผลประกอบการงวดปี 51
ขณะที่ในปี 52 บริษัทมั่นใจสามารถทำกำไรได้ต่อเนื่อง แม้ว่าประมาณการรายได้ในปี 52 จะลดลงจากปี 51 ประมาณ 15% เนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์ถั่วเหลืองต่ำกว่าช่วงปี 51 แต่ยังคาดว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิสูงกว่าปี 51 แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวมยังคงชะลอตัวแต่เชื่อว่าสถานการณ์ในปีนี้จะไม่ผันผวนเหมือนปีก่อน
นายเศรษฐสรร คาดว่า ราคาน้ำมันถั่วเหลืองในปี 52 จะเริ่มฟื้นตัวหลังจากผ่านช่วงต่ำสุดมาแล้วในปีก่อน ซึ่งจะทำให้บริษัทไม่มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันอีก โดยราคาถั่วเหลืองในช่วงต้นปีอยู่ที่ประมาณ 9 ดอลลาร์/Bushel และประเมินว่าทิศทางราคาถั่วเหลืองจะเริ่มสูงขึ้น โดยเฉลี่ยราคาครึ่งปีแรกจะอยู่ที่ 10 ดอลลาร์/Bushel แต่ราคาเฉลี่ยทั้งปียังไม่สามารถประเมินเนื่องจากยังมีปัจจัยที่ไม่แน่นอน อาทิ สภาวะอากาศ ภาวะเศรษฐกิจโลก รวมทั้งภาวะสินเชื่อ
"เราไม่สามารถประเมินราคาถั่วเหลืองทั้งปีได้ เพราะมีปัจจัยหลายอย่าง ดังนั้น เราประเมินล่วงหน้าได้แค่ 3-4 เดือน โดยมองว่าราคาจะทรงตัวเหนือ 10 ดอลลาร์ต่อ Bushel ได้ คงไม่เห็นการลดลงอย่างรุนแรงเหมือนปีก่อน ส่วนรายได้ปี 52 ยังเปิดเผยไม่ได้แต่จาการประเมินราคาขายแล้วรายได้ของบริษัทคงลดลงจากปีก่อน 15% ราคาขายในประเทศเป็นในทิศทางเดียวกับตลาดโลกด้วย"นายเศรษฐสรร กล่าว
นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินการเพิ่มกำลังการผลิตอีก 2 พันตัน จากเดิมที่ผลิตได้ 4 พันตัน ทั้งนี้คาดว่ากำลังการผลิตใหม่จะเริ่มได้ในกลางปี 53 รองรับความต้องการซื้อที่เพิ่มมากขึ้นในอนาคต
ทั้งนี้ ในปี 52 คาดว่าทั้งโลกจะมีความสามารถในการผลิตถั่วเหลืองที่ 330 ล้านตัน ขณะที่ความต้องการบริโภคในโลกอยู่ที่ 331 ล้านตัน ซึ่งจะไม่ส่งผลต่อภาวะตึงตัวของถั่วเหลือง เนื่องจากมีสต็อกถั่วเหลืองในปี 51 คงค้างอยู่ คาดว่าจะมีการนำสต็อกออกมาขายจากผู้ผลิตในโลกที่สต็อกไว้ในช่วงที่ราคาลดลงอย่างรุนแรง