แหล่งข่าวจากบมจ.ไทยคม หรือ THCOM กล่าวกับ “อินโฟเควสท์" ว่า บริษัทคาดว่าในปี 2552 จะพลิกมีกำไรครั้งแรกในรอบหลายปีหลังจากที่ iPSTAR จะเข้าสู่จุดคุ้มทุนในปีนี้ แม้ว่าปีนี้บริษัทยังมีภาระในการจ่ายค่าเสื่อมราคาของ IPSTAR สูงกว่า 1.4 พันล้านบาทที่เคยจ่ายในปี 51 ก็ตาม
ทั้งนี้ บริษัทได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วตั้งแต่ปี 2550-2551 ซึ่งในปีนี้บริษัทน่าจะมีผลประกอบการโดยรวมที่ดีกว่าปี 51 ด้วย เนื่องจากการเซ็นสัญญาการเปิดให้บริการดาวเทียม iPSTAR ในประเทศอินเดียได้ในปีนี้ ซึ่งเป็นการเจรจาที่ต่อเนื่องมานาน ดังนั้นการที่คาดว่าจะเซ็นสัญญาได้ในปีนี้จึงเป็นข่าวดีสำหรับบริษัท โดยการเข้าไปทำธุรกิจในประเทศอินเดียเป็นรูปแบบการเข้าไปเป็นพันธมิตรกับบริษัทโทรคมนาคมในประเทศอินเดีย ซึ่งหากเซ็นสัญญา แล้วจะเป็นประเทศที่ 10 ใกล้ครบ 14 ประเทศ ที่ iPSTAR สามารถดำเนินธุรกิจได้ นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจากับประเทศ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่นและไต้หวัน
“ปี 52 น่าจะเป็นปีที่ดีสำหรับ THCOM เพราะเราผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และจะได้เห็นกำไรเพราะ iPSTAR เข้าสู่จุดคุ้มทุน จากที่ผ่านมา iPSTAR คือตัวฉุดให้บริษัทขาดทุน
ส่วนรายได้ปีนี้ดีกว่าปี 51 อยู่แล้ว เพราะปี 51 มีการทำธุรกิจในประเทศเดิมๆอย่าง ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แต่ปีนี้การเจรจากับอินเดียมีความคืบหน้าบริษัทก็อยากให้จบเร็วที่สุด และหวังว่าการใกล้ 14 ประเทศตามสัมปทานจะยิ่งส่งผลดีต่อบริษัท" แหล่งข่าว กล่าว
อย่างไรก็ตามในปี 2552 จะมีดาวเทียมไทยคม 1 ปลดออกจากวงโคจรเนื่องจากครบอายุสัมปทาน คาดว่าจะปลดในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ โดยลูกค้าที่ใช้สัญญาณดาวเทียมไทยคม 1 จะถูกโยกไปยังดาวเทียมไทยคม 5 ซึ่งเป็นดาวเทียมที่เข้าสู่วงโคจรเมื่อปี พ.ศ.2549
ทั้งนี้ การที่ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมาอย่างมีนัยสำคัญนั้นมองว่านักวิเคราะห์ประเมินธุรกิจของบริษัทว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากปัจัยวิกฤตเศรษฐกิจ รวมทั้งการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทย เพราะกลุ่มโทรคมนาคมมีความเสี่ยงและความผันผวนน้อยกว่าหุ้นกลุ่มอื่นด้วย และราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน ต้องถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับบุ๊คแวลูที่สูงถึง 15 บาทต่อหุ้น ดังนั้นการที่ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับบริษัท