นายธนานันท์ วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สามารถ ไอ-โมบาย (SIM) กล่าวว่า ในปี 52 บริษัทจะพยายามรักษาอัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น) ไว้ไม่ต่ำกว่า 10-15% หรือใกล้เคียงกับปี 51 และระดับราคาขายเฉลี่ยที่ 2,000 - 4,000 บาทต่อเครื่อง โดยเน้นจับตลาดกลางถึงล่าง เนื่องจากตลาดกลุ่มนี้ยังเปิดกว้าง และไม่ต้องแข่งขันกับผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกซึ่งจะหันมาทำเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ในราคาถูกเช่นกัน
ทั้งนี้ บริษัทยังคงตั้งเป้ายอดขายที่ 5 ล้านเครื่อง ในปี 52 แบ่งเป็นยอดขายในประเทศ 2.7 ล้านเครื่อง และต่างประเทศ 2.3 ล้านเครื่อง โดยปีนี้จะออกเครื่องโทรศัพท์รุ่นใหม่ประมาณ 30 รุ่น โดย 80% จะเป็นมือถือรุ่นที่มีทีวีด้วย เนื่องจากความต้องการในตลาดยังมีสูง ส่วนมือถือที่รองรับระบบ 3G บริษัทจะเริ่มผลิตและจำหน่ายในช่วงครึ่งหลังปี 52
"เมื่อต้นปี เราเพิ่งฉลองยอดขายรวม 10 ล้านเครื่อง ตั้งแต่เริ่มทำตลาดเมื่อธันวาคมปี 47 และเชื่อมั่นว่า แบรนด์"ไอ-โมบาย"จะเติบโตได้ แม้ว่าจะมีแบรนด์ในระดับกลางและล่างเข้ามาทำตลาดแข่งขันรุนแรงที่ผ่านมา โดยยืนยันว่า "ไอ-โมบาย"ยังแข่งขันได้ และเชื่อว่าแบรนด์อื่นทำการตลาดผิดวิธี" นายธนานันท์ กล่าว
สำหรับปี 52 บริษัทตั้งงบตลาดรวม 640 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนที่มีงบตลาด 600 ล้านบาท โดยใช้ในประเทศ 400 ล้านบาท และในต่างประเทศใช้ 240 ล้านบาท ซึ่งปีนี้ จะเน้นทำการตลาดใน 3 ประเทศ ที่จะเปิดตลาดใหม่ ได้แก่ สหรัฐอาหรับอิมิเรต (UAE) ,บราซิล และ กลุ่มประเทศยุโรปตะวันตก นอกจากนี้จะรุกตลาดเดิมที่ยังมีอัตราเติบโตสูง เช่น อินเดีย อินโดนีเซียและ บังคลาเทศ
นายธนานันท์ กล่าวว่า ในปี 52 จะรักษาส่วนแบ่งตลาดที่ระดับ 28% และรายได้คาดว่าปีนี้จะมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท แม้ว่าในปี 51 เป้าหมายจะตั้งไว้ 1.5 หมื่นล้านบาท แต่พลาดเป้าได้เพียง 1.1 หมื่นล้านบาท แต่ไม่ใช่เกิดจากปัญหาการแข่งขันและถูกเบรนด์อื่นตีตลาด แต่มาจากปัญหาเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งเป็นผลให้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
ทั้งนี้ ในงาน"THAILAND Mobile Expo 2009" ที่จัดขึ้นระหว่าง 29 ม.ค. -1 ก.พ. คาดว่าจะมีรายได้จากการร่วมงานครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท ซึ่งเป็นเป้าหมายใกล้เคียงปีก่อน โดยวันนี้เป็นวันแรก และไอโมบายได้รับการตอบที่ดี