ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 226.44 จุด หลังสหรัฐเผยข้อมูลศก.ย่ำแย่

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday January 30, 2009 06:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (29 ม.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่บ่งชี้ถึงภาวะถดถอยที่รุนแรงขึ้น รวมถึงตัวเลขว่างงานรายสัปดาห์ที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และยอดขายบ้านใหม่ที่ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วง 226.44 จุด หรือ 2.70% แตะที่ 8,149.01 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 28.95 จุด หรือ 3.31% แตะที่ 845.14 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 50.50 จุด หรือ 3.24% แตะ 1,507.84 จุด

ไบรอัน แบทเทิล นักวิเคราะห์จากเพอร์ฟอร์แมนซ์ ทรัสต์ แคปิตอล พาร์ทเนอร์กล่าวว่า "ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กผันผวนอย่างหนัก หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่าจำนวนชาวอเมริกันที่ขอเข้ารับสวัสดิการระหว่างว่างงานในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 17 ม.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ 4.78 ล้านคน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อบ้านใหม่เดือนธ.ค.ร่วงลง 14.7% เหลือเพียง 331,000 ยูนิต/ปี ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

นอกจากนี้ นักลงทุนยังตื่นตระหนกต่อข่าวการเลย์ออฟพนักงานของบริษัทยักษ์ใหญ่ รวมถึงสตาร์บัคส์, อีสต์แมน โกดัก และโบอิ้ง โดยสตาร์บัคส์ คอร์ป เชนร้านกาแฟรายใหญ่สุดของโลก เตรียมปลดพนักงาน 6,700 คน และปิดสาขาเพิ่มอีก 300 แห่ง หลังกำไรไตรมาสแรกร่วงหนักเกินคาด

โฮเวิร์ด ชูลท์ซ ซีอีโอสตาร์บัคส์กล่าวว่า กำไรของสตาร์บัคส์อาจน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ เนื่องจากยอดขายในเดือนพ.ย.ค่อนข้างย่ำแย่ และการประกาศปลดพนักงานและปิดสาขาในวันนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนลดต้นทุนของบริษัท นอกจากนั้นนายชูลท์ซยังขอให้บอร์ดบริหารปรับฐานเงินเดือนของเขาในปีงบการเงิน 2552 ให้น้อยกว่า 10,000 ดอลลาร์ จากเดิมที่ 1.2 ล้านดอลลาร์ต่อปีในปี 2551 ในขณะเดียวกันบริษัทก็ตัดสินใจขายเครื่องบินเจ็ทของบริษัทจนเหลือเพียงลำเดียว

ขณะที่ โบอิ้ง โค ผู้ผลิตเครื่องบินพาณิชย์รายใหญ่อันดับ 2 ของโลก เตรียมปลดพนักงาน 10,000 คน หรือกว่า 6% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด เพราะได้รับผลกระทบจากการประท้วงของพนักงานและการเลื่อนกำหนดส่งมอบเครื่องบินส่งผลให้บริษัทขาดทุนในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว ในขณะเดียวกันภาวะเศรษฐกิจถดถอยก็เริ่มส่งผลให้ความต้องการเครื่องบินลดลง

ส่วนบริษัท อีสท์แมน โกดัก ประกาศแผนปรับโครงสร้างองค์กรระยะเวลา 4 ปี ซึ่งจะทำให้บริษัทปลดพนักงานออกกว่าครึ่ง เนื่องจากความต้องการกล้องดิจิตอลและอิงค์เจ็ทพรินเตอร์ลดลงอย่างหนัก

ทั้งนี้ หุ้นอีสต์แมน โกดัก ร่วงลง 29% หุ้นควอลคอมม์ดิ่งลง 4.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ร่วงลงเกินคาด ขณะที่หุ้นคอลเกท-ปาล์มโอลีฟ พุ่งขึ้น 2.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการเพิ่มขึ้นเกือบ 20% เนื่องจากนโยบายปรับลดต้นทุนและการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆในตลาดคอนซูเมอร์โพดักส์

หุ้นสตาร์บัคส์ปิดทรงตัวที่ 9.65% ส่วนหุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ดิ่งลง 3.9% หลังจากมีข่าวว่าฟอร์ดอาจต้องขอความช่วยเหลือทางการเงินจากรัฐบาลสหรัฐ เนื่องจากฟอร์ดมีแนวโน้มขาดทุนราว 3.48 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.34 ดอลลาร์ต่อหุ้นในไตรมาส 4 ซึ่งจะทำให้ฟอร์ดขาดทุนรวม 1.23 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2551

นักลงทุนจับตาดูตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4 ซึ่งกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยในคืนนี้ (ตามเวลาประเทศไทย) โดยผลสำรวจของสมาคมธุรกิจแห่งชาติของสหรัฐ (NABE) บ่งชี้ว่านักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจีดีพีของสหรัฐจะหดตัวลง 5.4% ในไตรมาส 4 ซึ่งนับเป็นสถานการณ์ที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2525


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ