RATCH ปี 51 กำไรโต 11.38% เหตุโรงไฟฟ้าหยุดเดินเครื่องน้อยกว่าปีก่อน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday January 30, 2009 09:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางดรุณี อภินรเศรษฐ์ รองกรรมการผู้จัดการการเงิน บมจ. ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH) ชี้แจงว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยตามงบการเงินรวมฉบับก่อนตรวจสอบ โดยผู้สอบบัญชีประจำปี 2551 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2551 มีกำไรสุทธิ 6,492.90 ล้านบาท (คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 4.48 บาท) เมื่อเปรียบเทียบกับผลการดำเนินงานงวดเดียวกันของปี 2550 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 5,829.40 ล้านบาท (คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 4.02 บาท) ปรากฏว่ากำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 663.50 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.38 โดยมีสาเหตุหลักดังนี้

ในระหว่างปี 2551 โรงไฟฟ้าราชบุรีมีการหยุดเดินเครื่องเพื่อทำการบำรุงรักษาใหญ่(Major Overhaul) น้อยกว่าปีก่อน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่มีผลทำให้รายได้ค่าความพร้อมจ่ายสูงกว่าปีก่อน และค่าบำรุงรักษาโรงไฟฟ้า รวมทั้งค่าอะไหล่โรงไฟฟ้าลดลงจากปีก่อน

โดยมีรายละเอียดดังนี้ รายได้ค่าความพร้อมจ่ายปี 2551 จำนวน 12,043.67 ล้านบาท สูงกว่าปี 2550 (11,359.07 ล้านบาท) เป็นจำนวน 684.60 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 6.03, ค่าบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าปี 2551 จำนวน 135.58 ล้านบาท ต่ำกว่าปี 2550 (549.35 ล้านบาท) เป็นจำนวน 413.77 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 75.32, ค่าอะไหล่โรงไฟฟ้าปี 2551 จำนวน 346.92 ล้านบาท ต่ำกว่าปี 2550 (623.68 ล้านบาท) เป็นจำนวน 276.76 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 44.38

รายได้อื่นคือ รายได้ค่าบริการในปี 2551 จำนวน 121.78 ล้านบาท สูงกว่าปี 2550 (49.33 ล้านบาท) เป็นจำนวน 72.45 ล้านบาท หรือ 1.47 เท่า สาเหตุหลักเนื่องจากในระหว่างปี บริษัทฯ ได้รับรายได้ค่าบริการจากบริษัท ราชบุรีเพาเวอร์ จำกัด เพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 63.21 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากโรงไฟฟ้าราชบุรีเพาเวอร์ได้เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2551

ดอกเบี้ยรับในปี 2551 จำนวน 422.52 ล้านบาท ต่ำกว่าปี 2550 (580.53ล้านบาท) เป็นจำนวน 158.01 ล้านบาท หรือร้อยละ 27.22 เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ได้รับจากเงินฝากธนาคารและเงินลงทุนในตราสารทางการเงินต่ำกว่าปี 2550 ซึ่งเป็นไปตามสภาวการณ์ของตลาดการเงินในปัจจุบัน

ในปี 2550 บริษัทฯ ได้รับค่าชดเชยการประกันภัยจากเหตุเพลิงไหม้บริเวณเครื่องดักจับก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (FGD) ของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนราชบุรี เครื่องที่ 1 รวมจำนวน 707.77 ล้านบาท

ในปี 2551 บริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งกำไรในกิจการร่วมค้ารวมทั้งสิ้นจำนวน 931.70 ล้านบาท สูงกว่าปี 2550 (792.63 ล้านบาท) เป็นจำนวน 139.07 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 17.55 โดยมีสาเหตุหลักมาจากผลการดำเนินงานของกิจการร่วมค้า 2 แห่ง ดังนี้บริษัทฯ รับรู้ผลการดำเนินงานของราชบุรีเพาเวอร์ในปี 2551 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนตามสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 25 เป็นจำนวน 342.45 ล้านบาท ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากผลการดำเนินงานของราชบุรีเพาเวอร์เพิ่มขึ้น จากการที่โรงไฟฟ้าราชบุรีเพาเวอร์ชุดที่ 1 และ 2 ได้ทำการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2551 และ 1 มิถุนายน 2551 ตามลำดับ

ทั้งนี้ผลการดำเนินงานของราชบุรีเพาเวอร์ตามสัดส่วนที่บริษัทฯ ถือหุ้นในปี 2551 รวมผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนไว้เป็น จำนวน 204.98 ล้านบาท ในขณะที่ปี 2550 รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเป็นจำนวน 63.10 ล้านบาท โดยหากไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนดังกล่าว บริษัทฯ จะรับรู้ผลการดำเนินงานของราชบุรีเพาเวอร์ในปี 2551 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเป็นจำนวน 610.53 ล้านบาท

ในปี 2551 บริษัทฯ รับรู้ผลการดำเนินงานของไตร เอนเนอจี้ลดลงจากปีก่อนตามสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 50 เป็นจำนวน 234.47 ล้านบาท ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากโรงไฟฟ้าไตร เอนเนอจี้ได้ครบกำหนดการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (The Board of Investment of Thailand: BOI) ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2551 เป็นผลให้ไตร เอนเนอจี้ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในปี 2551 ตามสัดส่วนที่บริษัทฯ ถือหุ้นเป็นจำนวน 33.56 ล้านบาท นอกจากนี้ผลการดำเนินงานของไตร เอนเนอจี้ตามสัดส่วนที่บริษัทฯ ถือหุ้นในปี 2551 รวมผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนไว้เป็นจำนวน 46.90 ล้านบาท ในขณะที่ปี 2550 รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเป็นจำนวน 162.60 ล้านบาท โดยหากไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนดังกล่าว บริษัทฯจะรับรู้ผลการดำเนินงานของไตร เอนเนอจี้ ลดลงจากปีก่อนเพียงจำนวน 24.97 ล้านบาท

ส่วนดอกเบี้ยจ่ายในปี 2551 จำนวน 1,293.37 ล้านบาท ต่ำกว่าปี 2550 (1,364.54 ล้านบาท) เป็นจำนวน 71.17 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.22 ซึ่งเป็นผลมาจากการชำระคืนเงินต้นทุกไตรมาส และภาษีเงินได้นิติบุคคลในปี 2551 จำนวน 217.35 ล้านบาท สูงกว่าปี 2550 (97.04 ล้านบาท) เป็นจำนวน 120.31 ล้านบาท หรือ 1.24 เท่า สาเหตุหลักเนื่องจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนราชบุรี เครื่องที่ 1 และ 2 ได้ครบกำหนดการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม 2551



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ