ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก:ดาวโจนส์ปิดร่วง 148.15 จุด เหตุนลท.กังวลศก.09 มืดมนหลังตัวเลขจีดีพีไม่สดใส

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday January 31, 2009 07:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงอีกครั้งเมื่อคืนนี้ (30 ม.ค.) เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของเศรษฐกิจสหรัฐ ภายหลังที่ได้มีการเปิดเผยข้อมูลจีดีพีไตรมาส 4 ปี 2551 ที่น่าผิดหวัง

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วง 148.15 จุด หรือ 1.82% แตะที่ 8,000.86 จุด หลังจากที่ปิดทรุดลง 226.44 จุดในวันพฤหัสบดี เนื่องจากตัวเลขว่างงานรายสัปดาห์ที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และยอดขายบ้านใหม่ที่ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน

ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 19.26 จุด หรือ 2.28% แตะที่ 825.88 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 31.42 จุด หรือ 2.08% แตะ 1,476.42 จุด

ดาวโจนส์ทรุดลง 775 จุด หรือ 8.84% และ Standard & Poor's 500 ดิ่งลง 8.57% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่ห้าติดต่อกันนับตั้งแต่เดือนก.ย.ที่เลห์แมน บราเธอร์ส ล้มละลายอันเนื่องมาจากวิกฤตการเงินครั้งรุนแรงในสหรัฐ ซึ่งนักสังเกตการณ์วอลล์สตรีทเชื่อว่าเป็นลางร้ายสำหรับความเคลื่อนไหวของตลาดตลอดทั้งปีนี้ เนื่องจากที่ผ่านมา ตลาดหุ้นนิวยอร์กมักจะปิดท้ายปีด้วยดัชนีหลักที่ร่วงลงถ้าดัชนีทรุดลงตั้งแต่ต้นปีเช่นนี้

เมื่อวานนี้ กระทรวงพาณย์สหรัฐได้รายงานตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) หดตัว 3.8% ในช่วงเดือนต.ค.-ธ.ค. เทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่หดตัว 0.5% ถือเป็นการปรับตัวลงอย่างรวดเร็วที่สุดในรอบเกือบ 27 ปี และเป็นการตอกย้ำว่าเศรษฐกิจมีแต่เลวร้ายลงเรื่อยๆ เมื่อประกอบกับรายงานผลประกอบการภาคเอกชนที่อ่อนแอและตัวเลขคนตกงานที่เพิ่มขึ้น

แรนดี้ เฟรเดอริก ผู้อำนวยการฝ่ายเทรดดิ้งและอนุพันธ์จากบ.ชาร์ลส ชวาบ กล่าวว่า เราคาดเอาไว้ว่าไตรมาสสี่จะเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดของภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ ในมุมมองของนักลงทุน พวกเขาอาจมองว่ารายงานจีดีพีที่ถึงแม้จะดีกว่าที่คาด แต่ก็อาจเป็นส่งสัญญาณว่าไตรมาสแรกของปีนี้อาจจะเลวร้ายยิ่งกว่า

"ทุกครั้งที่มีการเปิดเผยข้อมูลศรษฐกิจที่บ่งชี้วาเรายังไม่ร่วงลงถึงจุดต่ำสุด นั่นก็หมายความว่าการฟื้นตัวก็ต้องยาวนานออกไปอีก" เขากล่าว

นอกจากนี้มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่า ผู้บริโภคลดการจับจ่ายซื้อสินค้าประจำวัน เมื่อพร็อคเตอร์แอนด์แกมเบิลเผยว่า ยอดขายในไตรมาสสี่ร่วงลง 3% จากความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่ซบเซา ไม่ว่าจะเป็นผงซักฟอก Tide ครีมบำรุงผิว Olay และยาสีฟัน Crest นอกจากนี้บริษัทยังได้ลดคาดการณ์ผลกำไรตลอดทั้งปี และประเมินว่ายอดขายจะร่วงลงอีกในไตรมาสปัจจุบัน

ขณะเดียวกัน บริษัทน้ำมันรายใหญ่สุดของประเทศรายงานว่าได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง โดยเอ็กซอนโมบิลเผยกำไรไตรมาสสี่ดิ่งลงมาก เช่นเดียวกับ เชฟรอน

วานนี้ ยังคงมีบริษัทปรับลดพนักงานอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเอ็นอีซี ยักษ์ใหญ่ด้านอิเล็คทรอนิคส์ของญี่ปุ่น ที่เปิดเผยว่า บริษัทจะลดจำนวนพนักงานครั้งใหญ่อย่างน้อย 20,000 คนทั่วโลกภายในเดือนมีนาคม 2553 หลังจากที่เอ็นอีซีรายงานผลขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 1.3 แสนล้านเยน (1.46 พันล้านดอลลาร์) ในช่วงเดือนต.ค.-ธ.ค.2551 ต่อจากสตาร์บัคส์, อีสต์แมน โกดัก, ออลเสตท และอีกหลายบริษัทที่ทยอยกันประกาศลดคนงานครั้งใหญ่ตลอดสัปดาห์นี้

ทั้งนี้ หุ้นเอ็กซอนปิดลดลง 52 เซนต์ แตะ $76.48 ด้านเชฟรอน ร่วง 10 เซนต์ ปิดที่ $70.52

หุ้นพร็อคเตอร์แอนด์แกมเบิลปิดทรุดลง $3.72 หรือ 6.4% แตะ $54.50


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ