แหล่งข่าวจากบริษัทผุ้จัดการจำหน่ายหุ้นกู้ บมจ.น้ำประปาไทย (TTW) คาดว่าในวันที่ 13 ก.พ.นี้จะกำหนดอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้ของ TTW ได้หลังทำ Book Build กับนักลงทุนสถาบัน เชื่อกรอบอัตราดอกเบี้ยใกล้เคียงกับหุ้นกู้ของบมจ.ไทยออยล์ (TOP) ซึ่งอยู่ในช่วง 4.20-6.00%
"คิดว่าเย็นของวันที่ 13 ก.พ.น่าจะรู้ว่าดอกเบี้ยเป็นเท่าไร อัตราดอกเบี้ยน่าจะอยู่ใกล้ๆกับของไทยออยล์ เพราะน้ำประปาไทย มีรายได้แน่นอน ความเสี่ยงต่ำกว่า แต่บริษัทชื่อเสียงยังเป็นที่รู้จักน้อย ก็อาจถัวกันไป แต่เรทติ้งที่เราได้อยู่ระดับเดียวกัน" แหล่งข่าวกล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
ทั้งนี้ TTW จะเสนอขายหุ้นกู้ จำนวนไม่เกิน 6,700 ล้านบาท มี 3 ชุด อายุ 3 ปี, 5 ปี และ 7 ปี โดยได้รับการจัดอันดับความน่าเขื่อถือของหุ้นกู้ จากทริสเรทติ้งที่ระดับ AA-
ด้านนายสมโพธิ ศรีภูมิ กรรมกาผู้จัดการ TTW คาดว่า หุ้นกู้ของบริษัทจะสามารถเสนอขายในช่วงสัปดาห์ที่ 3 ถึงต้นสัปดาห์ที่ 4 ของเดือน ก.พ. และเชื่อว่า นักลงุทนสถาบัน ทั้งกองทุนรวม และ บริษัทประกันชีวิต ให้ความสนใจ
ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ มาชำระหนี้ 6,000 ล้านบาท และ ใช้ขยายกำลังการผลิต 700 ล้านบาท
"การเสนอขายหุ้นกู้ช่วงนี้ถือเป็นจังหวะเหมาะเพราะช่วงนี้ดอกเบี้ยเป็นขาลง ตลาดหุ้นก็ซบเซา ทำให้หุ้นกู้ของเราได้รับการตอบรับที่ดี ซึ่งเชื่อว่าหุ้นกู้ของเราจะได้ rate ที่ดี" นายสมโพธิ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
การออกหุ้นกู้จำนวนดังกล่าว จะช่วยทำให้บริษัทสามารถลดต้นทุนทางการเงินได้ รวมทั้งลดความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยลอยตัว ที่บริษัทจ่ายที่ระดับดอกเบี้ย MLR+1% มาลดลงที่ระดับ MLR-1% ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ แม้ว่าที่ผ่านมาธนาคารเจ้าหนี้จะยอมขยายอายุหนี้ออกไปเป็น 8 ปี จาก 5 ปี
นายสมโพธิ กล่าวว่า สาเหตุที่บริษัทตัดสินใจออกหุ้นกู้ถึง 6,700 ล้านบาทจากก่อนหน้าเตรียมจะออก 1,500 ล้านบาท มาจากบริษัทได้ไปโรดโชว์หลายครั้งและนักลงทุนมักจะถามถึงการการลดรายจ่ายดอกเบี้ยที่บริษัทต้องรับภาระถึง 450-500 ล้านบาทต่อปี ซึ่งถือเป็นค่าใช้จ่ายลำดับแรกๆ บริษัทจึงมีแนวคิดที่จะปรับลดภาระดังกล่าว ประกอบกับจังหวะช่วงนี้เหมาะที่จะเสนอขายหุ้นกู้ได้จำนวนมาก
สำหรับรายได้ในปี 52 คาดว่าจะเติบโต 14-15% จากปีก่อน จากการที่ปริมาณการใช้น้ำเติบโต 10% เป็น 120 ล้านลบ.ม.ต่อปี จาก 107-108 ล้านลบ.ม. ต่อปี ในปีที่ผ่านมา ขณะที่บริษัท ประปาปทุมธานี จำกัด (บริษัทย่อย) คาดจะมียอดขายน้ำที่ 120 ล้านลบ.ม.ต่อปี เพิ่มขึ้น 4-5% จากปีก่อน
"รายได้เติบโตมาจากปริมาณขายน้ำที่เติบโตขึ้นมาหลัก ไม่ใช่ดูแต่ตัวเลขเงินเฟ้อ(CPI) " นายสมโพธิ กล่าว
ส่วนกำลังการผลิตใหม่ที่จะเพิ่มอีก 1.2 แสนลบ.ม.ต่อปี เป็น 4.4 แสนลบ.ม. ต่อปี จะเริ่มเดินเครื่องได้ครึ่งหลังปี 53