นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ สำนักงาน ก.ล.ต.อยู่ระหว่างการเร่งตรวจสอบข้อมูลเอกสารบมจ. เอส.อี.ซี. ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส ( SECC) และ บมจ. ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น (PICNI) หลังจาก สำนักงานก.ล.ต.ยึดข้อมูลจากบริษัทเพื่อตรวจสอบเพิ่มเติม โดยได้มีการระดมพลในการตรวจสอบเอกสาร ซึ่งหากเอกสารใดที่ไม่ใช้จะเร่งส่งคืนกลับ เนื่องจากกังวลว่าจะถูกฟ้องกลับจากบริษัท
"ผมยังบอกไม่ได้หรอกว่าจะใช้ระยะเวลานานเท่าไร เราเพิ่งจะได้ข้อมูลมา เราก็จะเร่งดูเอกสารให้เร็วที่สุดและคืนกลับไปให้เขา ซึ่งการทำครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกของก.ล.ต.ที่เข้าไปยึดเอกสารมาตรวจสอบ เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม" นายธีระชัย กล่าว
ทั้งนี้จากการที่นักลงทุนรายย่อย โดยเฉพาะในส่วนสมาคมผู้ส่งเสริมการลงทุนไทย ได้ทำหน้าที่รวมตัวผู้เสียหาย ฟ้องร้องค่าเสียหายประมาณ 1 พันล้านบาทจาก SECC ถือเป็นเรื่องที่ดี ซึ่ง ก.ล.ต.ก็ได้เปิดช่องให้รายย่อยเป็นโจกท์ร่วมกล่าวโทษกับ ก.ล.ต. ซึ่งอาจจะทำให้ ก.ล.ต.เห็นประเด็นเพิ่ม และมีความหลากหลายมากชึ้น
นายธีระชัย กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา ก.ล.ต.ได้มีการประชุมร่วมกับสมาคม บล.ที่จะชอความร่วมมือให้บริษัทหลักทรัพย์ดูแลรับผิดชอบ กำกับเกี่ยวกับการปั่นหุ้น โดยให้เข้ามาดูแลมาร์เก็ตติ้งหรือเจ้าหน้าที่การตลาดมากขึ้น เพราะมุมมองของมาร์เก็ตติ้งอาจจะมีส่วนร่วมกับลูกค้า เพราะมึความใกล้ชิด
ด้านนางภัทรียา เบจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ได้มีกฎเกณฑ์ดูแลมาร์เก็ตติ้งอยู่แล้วจึงไม่จำเป็นต้องเพิ่มความเข้มงวด โดยหากมีความผิดปกติระบบจะแสดงผล(Stock Alert ) ให้เห็นและเจ้าหน้าที่ตลาดหลักทรัพย์ เข้าไปตรวจสอบเพิ่มเติม และจะส่งผลไปยัง สำนักงาน ก.ล.ต. นอกจากนี้ แต่ละบริษัทหลักทรัพย์ ก็มีฝ่ายตรวจสอบภายในของแต่ละแห่งอยู่แล้ว
"ตลาดเรามีระบบในการดูแลอยู่แล้ว และถือเป็นไปตามกติกา หากพบความผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างราคาหรือปั่นหุ้น แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามก็ขึ้นอยู่กับแต่ละ caseๆ" นางภัทรียา กล่าว