BSEC น้อมรับกฎเหล็กก.ล.ต.คุมเข้มมาร์เก็ตติ้งไม่ให้นอกลู่นอกทาง

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 2, 2009 16:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเดชา แปงคำ กรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจค้าหลักทรัพย์ บล.บีฟิท(BSEC) กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"ถึงประเด็นการปรับปรุงระบบควบคุมความเสี่ยงภายในบริษัทหลักทรัพย์ ว่า โบรกเกอร์ควรจะมีการตรวจสอบภายในอย่างเข้มงวด อย่างการอัดเทปการซื้อขายหุ้นของลูกค้าเกิน 80% ของวอลุ่มของมาร์เก็ตติ้งแต่ละบุคคล แล้วให้เก็บรักษาเทปไว้ประมาณ 1 ปี เป็นเรื่องที่ทุกโบรกฯควรจะทำ และทางบริษัทฯก็ได้ถือปฏิบัติเช่นนี้แล้ว

“โบรกฯควรจะมีการตรวจสอบภายในอย่างเข้มงวดจะดีกว่า อย่างเช่นมีการอัดเทปการซื้อขายหุ้นของลูกค้า เกิน 80% ของวอลุ่มของตัวเอง ก็ถือว่าโอเคแล้ว ปัจจุบันนี้ทาง BSEC ก็ทำอยู่แล้ว เราก็แค่เข้มงวดให้มาร์เก็ตติ้งอัดเทป และกำหนดแผนผังให้มาร์เก็ตติ้งนั่ง และมาร์เก็ตติ้งจะต้องอัดเทปทุกเบอร์

เทปรู้สึกว่าจะเก็บรักษาไว้ประมาณ 1 ปี จริง ๆ แล้วถ้าเกินกว่านี้ไปจะเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมาก เพราะเวลาที่ใช้ในการอัดเทปประมาณ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน ตลาดฯจริง ๆ สงสัยอะไรก็ขอเทปได้อยู่แล้ว ปัจจุบันนี้ข้อมูลข่าวสารมันรวดเร็วอยู่แล้ว"นายเดชา กล่าว

กรรมการผู้จัดการ BSEC กล่าวว่า ส่วนที่มาร์เก็ตติ้งใช้โทรศัพท์มือถือรับคำสั่งซื้อขายจากลูกค้าในปัจจุบันก็มีอยู่จริง แต่ก็ต้องอยู่ที่โบรกเกอร์จะเป็นผู้ควบคุม ด้วยการให้มาร์เก็ตติ้งชี้แจงที่มาที่ไปของคำสั่งซื้อขายของลูกค้าให้ได้ ซึ่งถ้าทำไม่ได้ทางบริษัทฯก็ไม่ต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่น(incentive)ให้แก่มาร์เก็ตติ้ง แค่นี้ก็ไม่มีมาร์เก็ตติ้งคนไหนกล้าละเมิดกฏเกณฑ์ของบริษัทฯแล้ว แล้วในที่สุดมาร์เก็ตติ้งก็ต้องรับคำสั่งซื้อขายจากลูกค้าผ่านการอัดเทปที่บริษัทฯจัดไว้ให้ ซึ่งทาง BSEC เองก็ได้มีคณะอนุกรรมการพิจารณาเรื่องการจ่ายผลตอบแทนของมาร์เก็ตติ้ง

“ถามว่ามีไหมที่มาร์เก็ตติ้งจะให้มือถือรับคำสั่งซื้อขายจากลูกค้า มันมีอยู่จริง แต่เราก็ต้องจัดให้มีการชี้แจงถ้าตรวจสอบเจอ และถ้าชี้แจงไม่ขึ้น เราก็ไม่จ่ายค่า incentive นะ คือถ้าไม่ทำตามเกณฑ์ที่บริษัทตั้งไว้แล้วเนี่ย คุณจะใช้มือถือเราก็ไม่จ่าย incentive ให้นะ ไม่ใช่ว่าคุณใช้มือถือ 30, 40, 50% ในวอลุ่มของคุณ ส่วนที่ใช้มือถือ เราจะไม่จ่าย incentive นะ เราจะมีคณะอนุกรรมการพิจารณาเรื่องการจ่ายผลตอบแทนของมาร์เก็ตติ้งไง มันไม่มีที่มาของคำสั่ง คณะกรรมการก็จะพิจารณาว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ จริง ๆ มันขึ้นอยู่กับการควบคุมภายในของบริษัทฯเท่านั้นแหล่ะ"

ยกตัวอย่าง หากใช้มือถือ วันนี้ลูกค้าเทรดไป 50 ล้านบาท แต่ 50 ล้านเป็นวอลุ่ม 50% ของเขา ณ เดือนนั้น แล้วไม่มีที่มาของคำสั่ง ตรงนี้บริษัทฯก็ต้องพิจารณาว่าจะจ่ายค่า incentive หรือไม่จ่าย ถ้าเป็นเหตุที่ไม่ควรแล้วมาร์เก็ตติ้งชี้แจงไม่ได้ เราก็จะไม่จ่าย incentive วันหลังมาร์เก็ตติ้งก็ไปบอกลูกค้า ไม่ได้พี่ ผมดูแลเป็นมาร์เก็ตติ้งของพี่ แล้วไม่ได้ค่า incentive เขาก็ไม่ยอม นี่แหล่ะเป็นสิ่งที่เราควรทำมาตลอด"กรรมการผู้จัดการ BSEC กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ