นายสมชัย เลิศสุทธิวงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาด บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า บริษัทจะรักษาความเป็นผู้นำนี้ไว้ โดยต้องมีการปรับตัวอยู่เสมอ เพื่อตอบสนอง Lifestyle และความต้องการของลูกค้าที่ไม่เหมือนเดิม การบริหาร Brand ของเอไอเอส จึงต้องมีพัฒนาการที่สอดคล้องกับความต้องการดังกล่าว ทั้งในแง่ของภาพลักษณ์ (Emotional) และประโยชน์การใช้งาน (Functional) ควบคู่กัน
ดังนั้นบริษัทจึงปรับชื่อแบรนด์ มาเป็น Smart Life จาก GSM advance เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงบุคลิกของคนรุ่นใหม่ในปัจจุบันที่เป็นผู้มีความคิดสร้างสรรค์ ไม่เพียงในเรื่องของเทคโนโลยีเท่านั้น แต่หมายถึงฉลาดที่จะสร้างสรรค์รูปแบบในการใช้ชีวิตใหม่ๆ (Creative) ที่เปี่ยมด้วยความกระตือรือร้น ไม่หยุดนิ่ง (Enthusiastic) รวมถึงเป็นผู้นำกระแสเสมอ (Trend Setter)ที่สำคัญเป็นผู้ที่รู้ใจ เข้าใจ พร้อมที่จะให้คำแนะนำ ปรึกษาที่ดีอยู่ตลอดเวลา (Open)
นอกจากนี้ ได้นำเสนอโปรโมชั่นใหม่"Smart Mix & Match" ที่ให้ลูกค้าออกแบบได้เองตามรูปแบบการใช้ชีวิตของคุณที่ผสมได้มากกว่า 50 แบบ และเป็นโปรโมชั่นเดียวเท่านั้นที่ให้คุณเลือกสิ่งที่ดีที่สุดมารวมกัน โดยไม่ต้องจ่ายในสิ่งที่คุณไม่จำเป็นต้องใช้อีกต่อไป
ได้แก่ Smart Basic แพ็คเกจเริ่มต้นที่ให้คุณเลือกอัตราค่าโทรตามปริมาณความต้องการใช้งาน เริ่มต้นเพียง 200 บาท (S,M,L), Smart Topping ให้เลือกรูปแบบค่าโทรเพิ่มขึ้นตามความต้องการของคุณในแต่ละช่วงเวลา อาทิ โทรกลางวัน, โทรกลางคืน, โทรวันหยุด, โทรเป็นกลุ่ม หรือ เบอร์คนพิเศษ รวมถึงแพ็คเกจ Non Voice ที่ตอบโจทย์ความเป็นตัวคุณมากที่สุด โดยสามารถปรับเปลี่ยนผสมได้ตามความต้องการในแต่ละช่วงเวลา
Smart Value โปรโมชั้นเพิ่มมูลค่าให้ลูกค้าด้วยการมอบ Free Content หลากหลาย หมุนเวียนมาให้เลือกได้ฟรี โดยในช่วงนี้เป็นเพลงสากลจาก 3 ค่ายอินเตอร์ โซนี่, วอร์เนอร์มิวสิค, ยูนิเวอร์แซล พร้อมสิทธิพิเศษจากเอไอเอสพลัส
Smart Service ให้บริการพิเศษ Promotion Assistance ที่จะช่วยมอบคำแนะนำในการเลือก Promotion ให้แก่ลูกค้า ภายใน 6 เดือนแรกที่เริ่มเข้ามาใช้บริการ รวมถึง E-Channel ช่องทาง Self Service ที่ให้เลือกใช้งานได้แบบง่ายสุดๆ และ mPAY Station มากกว่า 10,000 จุด ที่พร้อมรับชำระค่าบริการได้อย่างสะดวกสบาย
และ Smart Convenience ซึ่งจะช่วยให้ โลกแห่งการสื่อสารของลูกค้าจะไม่มีวันขาดตอน เพราะไม่มีปัญหาเรื่องเงินหมด หรือ วันหมด
นายฮุย เว็ง ชอง รองกรรมการผู้อำนวยการ อาวุโส ADVANC กล่าวว่า ตลาดโพสต์เพดในปีนี้ เชื่อว่ายังมีโอกาสในการเติบโต โดยมีกลุ่มผู้ใช้พรีเพด มากกว่า 1.5 ล้านรายต่อปี (net add) จะเปลี่ยนมาใช้โพสต์เพด สาเหตุเพราะเมื่อเริ่มเข้าสู่วัยทำงาน การใช้ชีวิตเริ่มมีทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวทำให้ต้องใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่มากขึ้น ทั้ง Voice และ Non Voice เพื่อสามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นที่ผ่านมาเอไอเอสจึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาบริการ สร้างรูปแบบของอัตราค่าบริการที่เหมาะสม สอดคล้องและตรงกับความต้องการใช้งานอย่างแท้จริงกับกลุ่มเป้าหมาย จนทำให้ GSM advance ยังคงรักษาความเป็น Brand อันดับ 1 ในตลาดโพสต์เพดที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดจากกลุ่มผู้ใช้บริการที่ต้องการใช้งานสูง เน้นเรื่องคุณภาพ ซึ่งรวมไปถึงกลุ่มลูกค้าองค์กรด้วย
ในภาพรวม กลยุทธ์หลักๆในการสร้างการเติบโตและรักษาความเป็นผู้นำ ประกอบด้วย การขยายตลาดไปยังต่างจังหวัด, เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มวัยรุ่น, พัฒนาบริการ E-Top UP ให้แพร่หลายมากยิ่งขึ้น, ขยายการเติบโตของ Non Voice และนำเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาให้บริการ รวมถึงการบริหาร Product Brand ให้มีความเข้าถึงและสอดคล้องกับ Lifestyle ให้มากยิ่งขึ้น
"แม้ว่าในปีนี้กระแสของวิกฤติเศรษฐกิจอาจส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมหลายๆด้าน แต่เรามองว่าการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่จะยังสามารถเติบโตได้ในระดับหนึ่ง" นายฮุย กล่าว