บมจ.วินโคสท์ อินดัสเทรียล พาร์ค(WIN)เล็งหารือบอร์ดปลายเดือน ก.พ.นี้ปรับแผนเพิ่มทุน 122.58 ล้านหุ้น จากกำหนดเสนอขายแบบเฉพาะเจาะจง(PP)ให้กับนักลงทุนต่างประเทศอาจต้องเสนอขายภายในประเทศแทนเพื่อให้แผนประสบความสำเร็จในช่วงนี้ หวังนำเงินทุนเสริมความแข็งแกร่งธุรกิจและเพิ่มบริการใหม่ ดันรายได้ปี 52 โต หลังพลาดเป้าไปในปี 51 และยังขาดทุนอยู่ พร้อมยืนยันเดินหน้าธุรกิจหลักโลจิสติกส์และขนส่ง รวมทั้งให้เช่าคลังสินค้า Free Zone ต่อไป เชื่อมาถูกทาง
"แผนเพิ่มทุนที่ชะงักไป คงมาดูว่าขายเฉพาะเจาะจงนักลงทุนต่างประเทศไม่ได้ ก็คงต้องดูว่านักลงทุนภายในประเทศเป็นอย่างไร มีแนวทางหลายแนวทาง เพราะเราก็ต้องขยายงาน ยังไม่ได้ทิ้งเรื่องเพิ่มทุน จะคุยกันอีกครั้งหนึ่งโดยจะประชุมบอร์ดปลายเดือนก.พ.นี้"นายนพพงษ์ อุรัจนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ WIN กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
*ผลงานปี 52 ขึ้นกับแผนเพิ่มทุน-รับปี 51 หนีไม่พ้นขาดทุน
นายนพพงษ์ กล่าวว่า ผลประกอบการในปี 52 จะพลิกมาเป็นกำไรได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับแผนธุรกิจที่จะต้องพิจารณาความเป็นไปได้หลายๆ ด้าน ซึ่งส่วนที่สำคัญของแผนงาน คือ การเพิ่มทุนเพื่อนำเงินมาขยายธุรกิจ โดยเฉพาะการนำเสนอบริการใหม่ให้กับลูกค้าเพื่อผลักดันรายได้ให้เติบโตในปีนี้
"จะเอาเงินที่ไหนมาลงทุนถ้าขายหุ้นเพิ่มทุนยังไม่ได้ ก็จะเป็นแพ็กเก็จเดียวกัน เกี่ยวโยงกันหมดเลย ต้องดูว่าจะเอาเงินจากไหนมาขยายการลงทุนถ้าเราอยากจะมี growth ทางด้านรายได้ในภาวะเศรษฐกิจอย่างนี้ก็ต้องมีบริการใหม่ๆ ซึ่งบริการใหม่ก็ได้แนะนำลูกค้าไปแล้วเพียงแต่จะเริ่มเห็นผลได้ในปีนี้"ผู้บริหาร WIN กล่าว
ในปีนี้บริษัทยังดำเนินธุรกิจด้านโลจิสติกส์และขนส่งซึ่งเป็นธุรกิจหลักต่อไป เนื่องจากลูกค้าให้ความมั่นใจในบริการของบริษัทมากขึ้น และเป็นธุรกิจที่ผู้บริหารมีความถนัด โดยบริษัทตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจโลจิสติกส์สูงขึ้นเป็น 70-80% จากปี 51 อยู่ที่ 60-70% ส่วนที่เหลืออีก 20% มาจากธุรกิจให้เช่าพื้นที่คลังสินค้าใน Free Zone
นายนพพงษ์ กล่าวว่า บริษัทได้แนะนำบริการด้านโลจิสติกส์ให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ลูกค้าเองก็จะเริ่มเห็นผลถึงแม้ว่าภาคการส่งออกยังจะซบเซาอยู่ แต่การนำเสนอบริการใหม่เพิ่มขึ้นก็จะทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย
ส่วนธุรกิจให้เช่าพื้นที่ใน Free Zone ในปีนี้เชื่อว่าจะขยายตัวได้ดี เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจขณะนี้ผู้ประกอบการคงจะเลือกเช่าพื้นที่มากกว่าลงทุนด้วยตัวเอง ประกอบกับลูกค้าเริ่มเข้าใจบริการ Free Zone มากขึ้น โดยเฉพาะด้านสิทธิประโยชน์ ทำให้กิจการดังกล่าวดีกว่า 2-3 ปีแรกๆ ที่เริ่มดำเนินธุรกิจนี้ ซึ่งน่าจะส่งผลให้ธุรกิจดังกล่าวทำรายได้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
WIN ตั้งเป้าหมายอัตราการเช่าพื้นที่(Occupancy Rate) Free Zone ในปี 52 เพิ่มขึ้น 5-10% จากปีก่อนอัตราอยู่ในระดับ 50-60% โดยเห็นแนวโน้มการปรับตัวที่ดีขึ้นมาชัดเจนตั้งแต่ต้นปี ม.ค.51 ซึ่ง Occupancy Rate อยู่ในระดับ 10% แต่ช่วงปลายปีปรับขึ้นมาสูงถึง 50-60%
"อัตราการเช่าปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 5-10% ถือว่าไม่เยอะ จากปีก่อนอยู่ที่ 50-60% ปีนี้ทาร์เก็ตไว้ที่ 60-70% โดยตัวที่เป็นรายได้ก็จะโตขึ้นด้วยเพราะพื้นที่เช่าเพิ่มขึ้น" นายนพพงษ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม สำหรับผลประกอบการในปี 51 รายได้คงจะน้อยกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 400 ล้านบาท และไตรมาส 4/51 ก็ยังขาดทุนอยู่ เพราะได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกตั้งแต่เดือนพ.ย.-ธ.ค.551 ที่ผู้ส่งออกในส่วนของเม็ดพลาสติกมียอดส่งสินค้าลดลง โดยงวด 9 เดือนของปี 51 ขาดทุน 70 ล้านบาทและทั้งปี 51 ก็น่าจะยังขาดทุนอยู่
*แจงกรณีปั่นหุ้นไม่เกี่ยวข้องผู้บริหาร-ผู้ถือหุ้นปัจจุบัน
นายนพพงษ์ กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ได้สั่งปรับผู้กระทำผิดกรณีสร้างราคาหุ้น WIN ว่า ไม่เกี่ยวกับบริษัท บุคคลทั้ง 3 คนก็ไม่ได้เป็นพนักงานและไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท ณ ปัจจุบัน
"หุ้น WIN มีคนถูกปรับไป บริษัทไม่เกี่ยวข้อง ก.ล.ต.ก็ไม่ได้สอบถามมาที่บริษัท 3 ท่านไม่ได้เป็นผู้บริหารของบริษัท "
ส่วนราคาหุ้น WIN ที่ปรับลงไม่น่าจะเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะหุ้นปรับลงตั้งแต่เดือน ต.ค.ที่มีวิกฤตของเลห์แมน และหลังจากนั้นหุ้นก็ปรับลงมาตลอดทั้งตลาด
นอกจากนี้ การที่นักลงทุนยังมองว่าหุ้น WIN เป็นหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ บมจ.เอ็ม ลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น (MLINK) นั้น นายนพพงษ์ ยืนยันว่า MLINK จะไม่เกี่ยวกับหุ้น WIN เพราะ MLINK ขายหุ้นออกไปปีกว่าแล้ว
"ผมว่านักลงทุนก็ยังคิดกันไปว่ายังเกี่ยวข้องกันอยู่ คงยังต้องใช้เวลาอีกสักพักหนึ่ง"นายนพพงษ์ กล่าว