(เพิ่มเติม) อเบอร์ดีน มองปี 52 เป็นโอกาสลงทุนในหุ้น-หุ้นกู้เอเชีย พื้นฐานศก.ยังดี

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 4, 2009 14:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายปีเตอร์ เอลส์ตัน ผู้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์การลงทุนประจำทวีปเอเชีย มองว่า ในปีนี้นักลงทุนยังสามารถพบโอกาสช่องทางการลงทุนจากการเลือกลงทุนทั้งในตลาดตราสารหนี้ระหว่างประเทศและตลาดตราสารทุนในกลุ่มประเทศเอเชีย

สำหรับตราสารทุนนั้น ความแข็งแกร่งของกลุ่มประเทศเอเชียก็จะยิ่งปรากฎชัดเจนขึ้น แม้ว่าอัตราการส่งออกอาจจะตกต่ำลงมาก แต่อัตราการออมสูงและงบดุลรัฐบาลที่แข็งแรง ประกอบกับ หนี้สินภาคเอกชนที่มีไม่มากนัก จะทำให้เศรษฐกิจของภูมิภาคสามารถฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว

อีกหนึ่งจุดเด่นของภูมิภาคเอเชีย คือ คุณภาพของธนาคารพาณิชย์ที่ไม่เพียงมีการกำกับดูแลที่ดีกว่า แต่ยังมีการแสดงให้เห็นถึงงบดุลที่แข็งแกร่งกว่ามาก

ในภาพรวมธนาคารพาณิชย์ในเอเชียยังคงยึดมั่นกับการทำธุรกิจให้กู้ยืมเงินซึ่งเป็นธุรกิจดั้งเดิมของธนาคารพาณิชย์ โดยไม่เสี่ยงเข้าไปทำธุรกิจที่ซับซ้อนอื่นๆ เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ไม่เกิดปัญหาวิกฤติเหมือนอย่างสถาบันการเงินในฝั่งตะวันตก อีกทั้งไม่มีการลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมาก

ส่วนการเลือกลงทุนในหุ้นนั้น นายเอลส์ตัน กล่าวว่า ควรให้ความสำคัญกับคุณภาพฐานะการเงินและความเป็นผู้นำในตลาดของบริษัทนั้นๆ มากกว่าที่จะยึดติดดัชนี ที่บ่งบอกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว

ด้านนายโดนัลด์ อัมสตัด ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บลจ.อเบอร์ดีน กล่าวว่า ราคาหุ้นกู้ภาคเอกชนบางตัวนั้นน่าสนใจมาก แม้ข้อเท็จจริงจะปรากฎว่ารายได้ของบริษัทมีแนวโน้มลดลง และระดับของการผิดนัดชำระหนี้เพิ่มสูงขึ้น การเทขายหลักทรัพย์โดยนักลงทุนบางกลุ่มในช่วงปี 51 ทำให้ตลาดสินทรัพย์ที่แปลงเป็นหลักทรัพย์นั้นมีความน่าสนใจยิ่งขึ้น

นายอติเทพ วรรณพฤกษ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการลงทุน บลจ.อเบอร์ดีน กล่าวว่า ในส่วนของบลจ.ที่ผ่านมาได้มีการปรับพอร์ตเพิ่มการลงทุนโดยเฉพาะในกลุ่มแบงก์ และบมจ.ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) และภายในปีนี้อาจะมีเพิ่มพอร์ตลงทุนเพิ่มขึ้นซึ่งปัจจุบันลงทุนในหุ้น 30 ตัว และคาดว่าพอร์ตในปี 52 ยังให้ Dividend Yield ที่ 6-7% ถือว่าปรับตัวขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนที่ Dividend Yield 5-6% ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่น่าพอใจ ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน

อีกทั้งการลงทุนของบลจ.จะลงทุนหุ้นที่มีความเสี่ยงน้อยและลงทุนในระยะยาว และจากการที่ลงทุนแบบระมัดระวังและสร้างผลตอบแทนในจังหวะที่คิดว่ามีโอกาสทำให้เชื่อว่าในปีนี้น่าจะมีกำไรได่ต่อเนื่องจากปี 51 แม้เศรษฐกิจจะชะลอ แม้สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร(AUM) ในปี 51 จะลดลงอยู่ที่ 20,000 ล้านบาทก็ตาม (AUM ของไทย) ซึ่งส่วนใหญ่เป็น AUM ที่มาจากกองทุนรวมและในปีนี้ก็จะเพิ่มกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมากขึ้น ในส่วนของกองทุนตราสารหนี้พันธบัตรรัฐบาลยังคงลงทุนอยู่ แต่ต้องเป็นอายุสั้นต่ำกว่า 5 ปีลงมา ซึ่งดีกว่าพันธบัตรระยะยาวที่มีความเสี่ยงจากการก่อหนี้ของภาครัฐ

"ตอนนี้ถือว่าเป็นโอกาสของคนซื้อของ เพราะราคาได้ปรับตัวลดลงมาเยอะ รวมถึงเราก็จะประเมินว่าหุ้นตัวไหนมีการเติบโตที่ดีแต่นโยบายของเราก็จะเป็นแบบ conservative อยู่แล้วและจะมีกองทุนระยะยาวทำให้เราไม่เจ็บตัวเมื่อเทียบกับที่อื่น ตอนนี้ตลาดหุ้นในเอเชียถือว่าอยู่ในระดับถูก แต่บอกไม่ได้ว่าระดับดังกล่าวจะเห็นการปรับตัวลดลงอีกหรือเปล่า"นายอติเทพ กล่าว

นายปีเตอร์ กล่าวเสริมอีกว่า อเบอร์ดีนกรุ๊ป ได้เข้าไปซื้อสินทรัพย์ของเครดิตสวิสฯ ซึ่งจะทำให้สินทรัพย์ของอเบอร์ดีนก็เพิ่มขึ้นเป็น 7.7 ล้านล้านบาท จากเดิมอยู่ที่ 5.7 ล้านล้านบาท ซึ่งขณะนี้เหลือแต่เงื่อนไขทางกฎหมาย ซึ่งจะทำให้อเบอร์ดีนมีโอกาสขยายธุรกิจนอกจากที่อเบอร์ดีนมีอยู่แล้ว เช่น ออสเตรเลีย เยอรมัน ญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งฐานะการเงินของอเบอร์ดีนเพิ่มขึ้นด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ