นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)เปิดเผยว่า คณะกรรมการ ตลท.นัดพิเศษวันนี้มีมติอนุมัติวงเงินร่วมลงทุน 250 ล้านบาทตามแผนการปรับโครงสร้างหนี้และทุนของ บริษัทหลักทรัพย์เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ จำกัด (Thailand Securities Finance Corporation หรือ TSFC) หลังพิจารณาความเห็นของบริษัท ไอแฟค จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินอิสระที่ ตลท.ว่าจ้าง เห็นว่าแผนการปรับโครงสร้างหนี้และทุนของ TSFC มีความเป็นไปได้
อย่างไรก็ตาม แผนงานดังกล่าวต้องได้รับความร่วมมือจากผู้ถือหุ้นปัจจุบัน และผู้ร่วมทุนรายใหม่สามารถให้การสนับสนุนในการเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ โดย TSFC ต้องมีเงินทุนใหม่ไม่น้อยกว่า 800 ล้านบาท นอกจากนี้ แผนปรับโครงสร้างฯ จะต้องได้รับการยอมรับจากเจ้าหนี้ พร้อมทั้ง ต้องมีการหาแหล่งเงินทุนใหม่เพื่อรองรับการขยายธุรกิจหลักและการดำเนินธุรกิจใหม่ด้วย
นางภัทรียา กล่าวว่า บริษัทหลักทรัพย์ควรให้ความสำคัญในการสนับสนุนแผนการปรับโครงสร้างของ TSFC ในครั้งนี้ โดยเฉพาะบริษัทหลักทรัพย์ที่ใช้บริการ TSFC ควรมีการร่วมลงทุนรวมกันไม่น้อยกว่า 150 ล้านบาท ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีการเจรจากับผู้ถือหุ้นเดิมรายอื่น ๆ และรายใหม่ เพื่อขอความร่วมมือในการร่วมทุนในแผนปรับโครงสร้าง TSFC ครั้งนี้ด้วย
สำหรับธุรกิจหลักของ TSFC ซึ่งเป็นการให้สินเชื่อเพื่อการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และการลงทุนในหลักทรัพย์สำหรับผู้ลงทุนนั้น บริษัทที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเห็นว่า จะยังคงเป็นธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนต่อไปได้ ถึงแม้ผลตอบแทนอาจไม่สูง แต่มีโอกาสทางธุรกิจจากการดำเนินธุรกรรมซื้อคืนภาคเอกชน (Private Repo) ซึ่งยังมีโอกาสขยายตัวต่อไปได้อีก
ทั้งนี้ ทางบล.ธนชาต ซึ่งตลท.ว่าจ้างเป็นผู้ศึกษาและวิเคราะห์โครงการดำเนินธุรกรรมซื้อคืนภาคเอกชน (Private Repo) เพื่อเพิ่มธุรกิจให้กับ TSFC ด้วย ได้ให้ความเห็นว่า ธุรกิจ Private Repo มีโอกาสเติบโต เนื่องจากตลาดพันธบัตรมีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้น และจะเป็นทางเลือกของผู้ลงทุน รวมทั้งเป็นโอกาสในการเพิ่มธุรกรรมของบริษัทหลักทรัพย์ในอนาคตด้วย