นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บล.เอเซีย พลัส(ASP) ยอมรับว่า รายได้นายหน้าค้าหลักทรัพย์ได้รับผลกระทบจากวอลุ่มตลาดที่ลดลง โดยตั้งแต่ต้นปีมีวอลุ่มเฉลี่ยที่ 6 พันล้านบาท จากระดับที่บริษัทอยู่ได้ที่ 1 หมื่นล้านบาท แต่บริษัทก็ยังคงเป้าหมายที่จะรักษาส่วนแบ่งการตลาดในปีนี้ไว้ที่ 5% ใกล้เคียงปีก่อน
"หากวอลุ่มเทรดไม่ถึง 1 หมื่นล้านจะกระทบต่อธุรกิจหลักทรัพย์ โดยเฉพาะธุรกิจหลักทรัพย์ขนาดเล็ก วอลุ่มหมื่นล้านยังไม่พอ" นายก้องเกียรติ กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทจะเร่งหารายได้จากการเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน โดยที่ผ่านมามีทั้งดีลการควบรวมกิจการ(M&A)ซึ่งคาดว่าน่าจะมีมากขึ้นในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ และดีลการเสนอขายหลักทรัพย์ IPO
นอกจากนี้ บริษัทคาดหวังรายได้จากพอร์ตการลงทุน โดยเริ่มทยอยเก็บหลักทรัพย์ที่น่าสนใจเข้าพอร์ตประมาณ 40-50 หลักทรัพย์ โดยให้ความสำคัญกับหุ้นที่มีสภาพคล่องสูง เป็นผู้นำธุรกิจ และมีประวัติการจ่ายปันผลที่ดี อาทิ BEC, TUF, หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า โดยบริษัทก็แนะนำหุ้นเหล่านี้ให้กับนักลงทุนลงทุนเช่นเดียวกัน
นายก้องเกียรติ กล่าวว่า บริษัทยังมีแผนลดค่าใช้จ่าย โดยการยุบสาขาที่ใกล้เคียงกันมารวมกันเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเช่าพื้นที่ แต่ปีนี้ไม่มีแผนในการลดพนักงาน และพร้อมที่จะรับพนักงานที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาเพิ่มด้วย
อย่างไรก็ตาม นายก้องเกียรติ คาดว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 52 เศรษฐกิจไทยจะถึงจุดต่ำสุดของวิกฤต และหลังจากนั้นจะเริ่มฟื้นตัว โดยประเมินว่าอัตราการขยายตัวของไทยปี 52 มีโอกาสหดตัวราว 1% แต่หากเลวร้ายสุดก็มีโอกาสจะเห็นเศรษฐกิจติดลบสูงถึง 4%