บมจ. พรีเชียส ชิพปิ้ง (PSL) เปิดเผยว่า ในปี 52 บริษัทได้ทำสัญญาให้เช่าเรือระยยาว 61.04% ของจำนวนวันที่ได้ทำสัญญาให้เช่าเรือไปแล้ว โดยได้อัตราค่าระวางเรือเฉลี่ย 15,087 เหรียญสหรัฐ/ลำ/วัน เทียบกับปี 51 ที่บริษัทได้ทำสัญญาให้เช่าเรือระยะยาว 96.38% มีอัตราค่าระวางเรือเฉลี่ย 16,129 เหรียญสหรัฐ/ลำ/วัน
ส่วนในปี 53-55 บริษัทได้ทำสัญญาเช่าระยะยาวไว้บ้างแล้ว โดยในปี 53 ทำสัญญาให้เช่าเรือระยะยาว 32.50% อัตราค่าระวางเรือเฉลี่ย 13,062 เหรียญสหรัฐ/ลำ/วัน, ปี 54 ทำสัญญาให้เช่าเรือระยะยาว 18.84% อัตราค่าระวางเรือเฉลี่ย 17,428 เหรียญสหรัฐ/ลำ/วัน และในปี 55 ทำสัญญาแล้ว 11.25% อัตราค่าระวางเรือเฉลี่ย 18,467 เหรียญสหรัฐ/ลำ/วัน
ทั้งนี้ เมื่อค่าระวางได้ปรับตัวสูงขึ้น บริษัทฯ ได้นำนโยบายผูกมัดอัตราค่าระวางด้วยการทำสัญญาให้เช่าเรือระยะยาวในอัตราค่า เช่าที่ดีเพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนของตลาดรายวัน
อย่างไรก็ตาม ในขณะปัจจุบัน ที่อัตราค่าระวางลดต่ำลง บริษัทฯ คงไม่ใช้นโยบายผูกมัดอัตราค่าระวางดังกล่าวที่จะผูกมัดอัตราค่าระวางที่อยู่ในระดับต่ำลง แต่ปัจจุบันจะใช้กลยุทธ์ในการผูกมัดค่าระวาง ที่ทำให้บริษัทฯ มีสัญญาล่วงหน้าได้ 31% สำหรับ 4 ปีต่อไป ในอัตราค่าระวางที่สูงเมื่อเปรียบเทียบกับอัตราค่าระวางปัจจุบันในตลาดค่าระวางเรือ
บริษัทคาดการณ์แนวโน้มในอนาคตในช่วง 12 เดือนนับจากนี้ไป ดูเหมือนว่ายังทรงทรงอยู่เมื่อเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยระยะยาวในอดีต ในวงจรค่าระวางเรือปัจจุบัน จุดสูงสุดของรายได้ซึ่งเกิดขึ้นในไตรมาสสามปี 2551 นี้ อยู่ที่จำนวน 17,611 เหรียญสหรัฐต่อวันต่อลำเรือ รายได้เฉลี่ยต่อวันต่อลำเรือสำหรับปี 2551 เท่ากับ 16,489 เหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นรายได้เฉลี่ยต่อวันต่อลำที่สูงที่สุดจากในอดีตที่ผ่านมา
และนับจากนี้ไปอีก 4 ถึง 8 ไตรมาส อาจเป็นช่วงเวลาที่ตกต่ำถึงตกต่ำมาก จากการล้มละลายของเจ้าของเรือซึ่งจะกลายเป็นเรื่องปกติมากกว่าเป็นกรณีพิเศษที่เกิดขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะปรับลดอายุเรือ โดยเรือที่จะนำมาแทนเรือที่มีอายุมากในกองเรือปัจจุบันของบริษัทฯจำนวน 25 ลำ จากจำนวนเรือที่มีทั้งหมด 44 ลำ จะเป็นเรือที่อายุน้อยกว่า มีเครื่องยนต์ที่ดีกว่า ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า และมีขนาดใหญ่กว่า ซึ่ง สามารถหาได้จากตลาดขายเรือมือสองในช่วง 1-2 ปีนี้ ซึ่งขณะนี้บริษัทฯได้เริ่มขายเรือเก่าแล้ว จำนวน 3 ลำ
ดังนั้น เป็นโอกาสที่ดีสำหรับการใช้แผนการปรับลดอายุกองเรือในช่วงปัจจุบันที่สภาวะทางการเงินตึงตัว ซึ่งถือเป็นโอกาสอันดีที่บริษัทฯได้อดทนรอเวลานี้ และถ้าแผนดังกล่าวประสบความสำเร็จ ก็จะแน่ใจได้ว่าบริษัทฯ จะสามารถทำกำไรในระยะยาวได้มากกว่าสองถึงสามทศวรรษ บริษัทฯได้เจรจากับธนาคารผู้ให้กู้ปัจจุบันเพื่อให้มีวงเงินสินเชื่ออย่างเพียงพอสำหรับแผนการปรับลดอายุกองเรือโดยจะไม่กระทบต่องบดุลและผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ
อย่างไรก็ดี ประเทศจีนยังคงมีอิทธิพลอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับการสร้างผลกระทบต่อตลาดขนส่งสินค้าแห้งเทกอง เพื่อความเข้าใจความหมายนี้ บริษัทฯขออ้างอิงข้อมูลที่แสดงในนิตยสาร Lloyd's List ฉบับวันที่ 7 มกราคม 2551 แสดงถึงการนำเข้าสินแร่เหล็กของประเทศจีน สำหรับปี 2551 จำนวน 425 ล้านตัน หรือร้อยละ 50 ของสินแร่เหล็กทั่วโลก และสูงกว่าปี 2550 ร้อยละ 11 ซึ่งมีการนำเข้าสินแร่เหล็กจำนวน 383.6 ล้านตัน แต่ข้อมูลนี้ยังไม่เห็นภาพรวม
โรงงานผลิตเหล็กทั้งหมดในประเทศจีนพร้อมใจกันประกาศว่า ในระหว่างปี 2552 โรงงานเหล่านี้จะลดกำลังการผลิตลงร้อย ละ 20 ถึง 30 เนื่องจากความต้องการเหล็กลดลงซึ่งเป็นผลจากราคาเหล็กลดลง การลดกำลังการผลิตจะส่งผลกระทบต่อตลาดค่าระวางเรือในปี 2552 อย่างไรก็ดีเมื่อเร็วๆนี้ รัฐบาลจีนได้ประกาศแผนกระตุ้นทำโครงสร้างและพัฒนาสาธารณูปโภคจำนวน 586 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งอาจจะช่วยให้อัตราค่าระวางไม่ตกต่ำมากนัก