บมจ.อินเตอร์ไฮด์ (IHL) เร่งหาลูกค้าใหม่ ทดแทนลูกค้าเดิมที่มีคำสั่งซื้อลดลงตามอุตสาหกรมยานยนต์ที่ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลก ระบุอยู่ระหว่างเจรจาลูกค้าใหม่ 3 ราย คาดจะได้ข้อสรุป 1-2 เดือน เชื่อจะช่วยให้รายได้ปี 52 ไม่ต่ำกว่าปี 51 ที่คาดว่าจะต่ำกว่าเป้าที่ 1.8 พันล้านบาท แต่จะดันอัตรากำไรขั้ต้นเพิ่มมาที่ 20% จากปีก่อนที่ได้ประมาณ 15% เชื่อว่าจะทำให้กำไรสุทธิในปี 52 ดีกว่าปีก่อน
นายอวยชัย มติธนวิรุฬห์ กรรมการ IHL เปิดเผยว่า ขณะนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาลูกค้ารายใหม่ 3 ราย เป็นค่ายรถยนต์จากญี่ปุ่น 1 ราย, จากเกาหลี 1 ราย และยุโรปอีก 1 ราย โดยการเจรจาคืบหน้าไปประมาณ 80% แล้ว คาดว่าใน 1-2 เดือนนี้น่าจะได้ข้อสรุป
"เราเจรจามาหลายเดือนแล้ว อยู่ที่ว่าจะสรุปราคาไว้ที่เท่าไหร่ แต่แนวโน้มค่อนข้างจะดี ถ้าได้ทั้ง 3 รายจะทำให้รายได้บริษัทดีกว่าปีที่แล้ว ถ้าเราไม่ได้รายใหม่เข้ามารายได้คิดว่าจะลดลงไป 10%" นายอวยชัย กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
ทั้งนี้ ในปี 51 คาดว่ารายได้จะต่ำลงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.8 พันล้านบาท ซึ่งลดลงจากเป้าเดิมที่วางไว้ที่ 2 พันล้านบาท เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกทั้งยอดขายและยอดผลิตลดลง ทำให้ไตรมาส 4 มีผลประกอบการไม่ดี ทั้งที่ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาบริษัททำรายได้และกำไรได้เกินเป้า อย่างไรก็ดี คาดว่ากำไรสุทธิในปี 51 ก็ยังถือว่าใช้ได้
อนึ่ง ในงวด 9 เดือนแรกของปี 51 บริษัทมีรายได้ 1,454.73 ล้านบาท กำไรสุทธิ 126.48 ล้านบาท สูงกว่าปี 50 ที่มีรายได้ 1,531.19 ล้านบาท ขาดทุน 40.36 ล้านบาท
นายอวยชัย กล่าวว่า หากบริษัทได้ยอดคำสั่งการผลิตเพิ่มจากลูกค้ารายใหม่ทั้ง 3 ราย จะทำให้สัดส่วนการส่งออกเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นเท่าไร โดยปีก่อนมีสัดส่วน 10-15%
"รายได้ในประเทศ ในช่วง 6 เดือนแรกน่าจะลดลง เราพยายามยืนอยู่ที่ 1,600 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 80-90% ของรายได้รวม ส่วนที่บวกจะมาอยู่ที่ ส่งออก"
"สำหรับเราคิดว่าคงไม่เลวร้าย เพียงแต่ว่าจะทำได้ดีแค่ไหน เราจะคุยไปเรื่อยๆ คงหยุดคุย(หาลูกค้าใหม่) ไม่ได้ คือนโยบายเราต้องหาลูกค้า หาตลาดใหม่ๆ อยู่ตลอด แม้แต่ตลาดเดิม เราก็ต้องพยายามหาออเดอร์ใหม่ๆออกไป เพราะว่าถ้าหยุดนิ่ง เจอภาวะอย่างนี้อีกเราก็ตาย"นายอวยชัย กล่าว
ปัจจุบันตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ สหรัฐ ฟิลิปปินส์ อินเดีย ส่วนจีน ขอเวลาให้เจรจากับ 3 รายใหม่นี้ให้จบก่อนจึงจะเริ่มที่ตลาดอื่น และในตลาดเดิมเช่นสหรัฐก็จะหาลูกค้าเพิ่มด้วยนอกเหนือมิตซูบิชิ
ทั้งนี้ โรงงานใหม่ที่บริษัทได้ขยายกำลังการผลิตเพิ่มอีกราว 30% จะใกล้เสร็จเร็วๆนี้ ซึ่งสอกคล้องกับยอดคำสั่งการผลิตใหม่ที่เข้ามา โดยรอการติดตั้งเครื่องจักร
อย่างไรก็ตาม ในปี 52 บริษัทตั้งเป้าจะมีอัตรากำไรขั้นต้น(gross margin) ที่ 15-20% ซึ่งปีก่อนคาดว่าจะอยู่ที่ 15%
"การเลือกแหล่งวัตถุดิบ(หนังสัตว์)ให้ดีขึ้น และลดความสูญเสียให้น้อยลง จะช่วยทำให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น เพื่อพยายาม maintain profit ปีนี้ ให้ได้ นโยบายของเรา พยายามลดค่าใช้จ่าย และเพิ่ม gross margin ซึ่งก็จะทำให้กำไรดีขึ้นกว่าปีก่อน" นายอวยชัยกล่าว
อย่างไรก็ดี บริษัท ไม่มีการปรับลดพนักงาน ส่วนงานโอที หรืองานล่วงเวลา ก็ขึ้นอยู่กับงานที่เข้ามาลดลง แต่บางไลน์การผลิต ก็อาจจะมีการทำโอที เพราะเราเป็นผลิตตามคำสั่ง (OEM) บางทีก็ต้องมีโอที เราก็ต้องสนองตอบลูกค้า แต่ไม่ใช่ไม่มีโอที เลย
*เชื่อ"โตโยต้า"ลูกค้าหลักออเดอร์ฟื้นในQ3/52
นายอวยชัย กล่าวว่า จากการลดลงทั้งยอดการผลิตและการผลิตของอุตสาหกรรมรถยนต์ รวมถึง โดโยต้าซึ่งเป็นลูกค้าหลักของ IHL และ นิสสัน กับฮอนด้า ซึ่งเป็นลูกค้าของบริษัทด้วย ต้องกระทบตามไปด้วย แต่บริษัทคาดหวังว่าในตลาดลูกค้าเดิมดังกล่าว ในไตรมาส 3/52 น่าจะดีขึ้น โดยจะลดลงไม่น่าเกินไตรมาส 2/52 แต่ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทจะกระตุ้นยอดขายอย่างไร
โดยมีความเป็นไปได้ว่า หนึ่งในกลยุทธ์ค่ายรถยนต์จะนำรถบางรุ่นอาจจะเปลี่ยนจากเบาะผ้า มาใช้เบาะหนัง แต่ขายในราคาเดิม ซึ่งก็จะกระตุ้นยอดขาย
"คาดการณ์ว่า อุตสาหกรรมรถยนต์ คงไม่เลวร้ายไปทั้งปี ...ถึงแม้ว่าตลาดจะลง ยอดผลิต ยอดขายจะลดลง แต่ปริมาณยอดการใช้หนังอาจจะสวนทางกัน โดยอยู่ที่กลยุทธ์ของแต่ละค่าย" นายอวยชัยกล่าว
IHL เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายหนังสำหรับเบาะรถยนต์รายใหญ่ในประเทศ รวมถึงมีผลิตภัณพ์อื่น ได้แก่ พวงมาลัยรถยนต์ และกระปุกเกียร์ ซึ่งเป็นการผลิตตามคำสั่งของลูกค้า โดยในปี 51 โตโยต้าเป็นลูกค้าหลัก มีสัดส่วนราว 57% รองลามาเป็น ฮอนด้า และ นิสสัน
ทั้งนี้ ในปี 51 บริษัทมีกำลังการผลิตอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ที่ผลิตด้วยหนังเพิ่มเป็น 30 ล้านตร.ฟุต จากปีก่อนที่มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 24 ล้านตร.ฟุต