ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 100 จุดเมื่อคืนนี้ (6 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอย และขานรับผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทยักษ์ค้าปลีกอย่างวอล-มาร์ท และเมซีส์
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่ง 106.41 จุด หรือ 1.34% แตะที่ 8,063.07 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 13.62 จุด หรือ 1.64% แตะที่ 845.85 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 31.19 จุด หรือ 2.06% แตะที่ 1,546.24 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.63 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 9 ต่อ 5 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.56 พันล้านหุ้น
คริส คอร์ดาโร นักวิเคราะห์จากรีเจนท์แอตแลนติก แคปิตอล ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ กล่าวว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคักหลังจากวอล-มาร์ทและเมซีส์เปิดเผยยอดขายที่แข็งแกร่งเกินคาด แม้ว่าก่อนหน้านี้เมซีส์ได้ประกาศลดพนักงานจำนวน 7,000 คนก็ตาม ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่า บริษัท Akamai Technologies Inc. เปิดเผยผลประกอบการพุ่งขึ้น 13%
"ข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนคลายความกังวลและมองว่าภาคเอกชนมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งพอจะฝ่าฟันภาวะเศรษฐกิจถดถอยไปได้ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานเดือนม.ค.เพราะในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาภาคเอกชนมีการเลย์ออฟพนักงานจำนวนมาก" คอร์ดาโรกล่าว
กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าอัตราว่างงานเดือนม.ค.จะพุ่งขึ้นแตะระดับ 7.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี และคาดว่าตัวเลขจ้างงานเดือนม.ค.จะร่วงลง 530,000 ตำแหน่ง ซึ่งจะเป็นการร่วงลงติดต่อกันยาวนานถึง 13 เดือน เนื่องจากยอดขายที่ตกต่ำลงส่งผลให้บริษัทเอกชนแห่ลดการจ้างงาน
เมื่อคืนนี้กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการในระหว่างว่างงานพุ่งขึ้น 35,000 ราย แตะที่ 626,000 รายในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 31 ม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 26 ปี
ก่อนหน้านี้ ADP Employer Services ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้บริการด้านข้อมูลจ้างงานของสหรัฐเปิดเผยว่า เปิดเผยว่า ภาคเอกชนในสหรัฐลดการจ้างงานลง 522,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. หลังจากลดลง 659,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค.
นักลงทุนจับตาดูคณะทำงานของประธานาธิบดีบารัค โอบามาที่เตรียมประกาศแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ หลังจากที่วุฒิสภาสหรัฐลงมติให้คงข้อกำหนด "Buy American" ไว้ในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงินเกือบ 9 แสนล้านดอลลาร์ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มประเทศคู่ค้ารายใหญ่อย่างแคนาดาและยุโรป รวมถึงคำเตือนที่ว่านโยบายดังกล่าวจะกระตุ้นให้เกิดสงครามการค้า
หุ้นกลุ่มธนาคารทะยานขึ้นหลังจากมีรายงานว่านายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐเตรียมประกาศแผนให้ความช่วยเหลือภาคการเงินในสัปดาห์หน้า โดยหุ้นเจพีมอร์แกนดีดขึ้น 2.1% หุ้นพีเอ็นซี ไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส พุ่งขึ้น 3.5% หุ้นฮันติงตัน บองซ์แชร์ส ดีดขึ้น 13% และหุ้นรีเจียนส์ ไฟแนนเชียล พุ่งขึ้น 13%
ส่วนหุ้นวอล-มาร์ทพุ่งขึ้น 4.6% หุ้นมาซีส์ดีดขึ้น 5.2% และหุ้น Akamai ทะยานขึ้น 18%