ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 ก.พ.) เพราะได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากธนาคารกลางอังกฤษประกาศลดอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับปัจจัยลบจากข้อมูลที่ระบุว่าอาจมีบริษัทอังกฤษจำนวนมากล้มละลายในปีนี้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดขยับขึ้น 0.33 จุด แตะที่ 4,228.93 จุด
เดริอัส แมคเดอร์มอทท์ นักวิเคราะห์จากเชลซี ไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส ในกรุงลอนดอนกล่าวว่า หุ้นกลุ่มธนาคารทะยานขึ้นและเป็นปัจจัยสำคัญที่พยุงตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกได้ หลังจากธนาคารกลางอังกฤษตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.5% แตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1% ในการประชุมเมื่อเย็นวานนี้ ซึ่งเป็นไปตามคาดการณ์ส่วนใหญ่ของนักวิเคราะห์ที่เชื่อว่าแบงก์ชาติอังกฤษจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ
อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนซบเซาลง หลังจาก KPMG ซึ่งบริษัทที่ปรึกษาชั้นนำของโลกคาดการณ์ว่า อาจมีบริษัทอังกฤษมากถึง 5,000 แห่งล้มละลายในปีนี้เพราะถูกกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยคาดว่าบริษัทจำน่ายสินค้าเพื่อผู้บริโภคจะได้รับผลกระทบหนักกว่าอุตสาหกรรมประเภทอื่นๆ เนื่องจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังคงอยู่ในระดับต่ำมาก และยอดขายในเดือนม.ค.ปีนี้ ทรุดตัวลงมากถึง 4 เท่าเมื่อเทียบกับเดือนม.ค.ปี 2551
การลดอัตราดอกเบี้ยของแบงค์ชาติอังกฤษช่วยหุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น โดยหุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป หุ้นรอยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ พุ่งขึ้นกว่า 5% และหุ้นธนาคารบาร์เคลย์ส พุ่งขึ้น 3.2%
ส่วนหุ้นยูนิลิเวอร์ร่วงลง 5.9% หลังจากบริษัทระบุว่ายังไม่สามารถคาดการณ์ผลประกอบการในปี 2553 ได้ ขณะที่หุ้นเยลล์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ตีพิมพ์สมุดโทรศัพท์ Yellow Pages ของอังกฤษ ร่วงลง 5% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่ารายได้ในไตรมาสแรกของปีนี้อาจร่วงลงอย่างหนัก เนื่องจากวิกฤตการณ์การเงินส่งผลให้ลูกค้าลดการใช้จ่าย