ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (6 ก.พ.) จากกระแสคาดการณ์ว่า สภาคองเกรสจะลงมติเห็นชอบมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจมูลค่าเกือบ 9 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งความหวังดังกล่าวสามารถบดบังปัจจัยลบจากการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานเดือนม.ค.ที่ร่วงลงหนักสุดในรอบ 35 ปี
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่ง 217.52 จุด หรือ 2.70 % แตะที่ 8,280.59 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 22.75 จุด หรือ 2.69 % แตะที่ 868.60 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 45.47 จุด หรือ 2.94 % แตะที่ 1,591.71 จุด
นักวิเคราะห์คาดว่าวุฒิสภาจะลงมติเห็นชอบแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจที่รวมถึงการเพิ่มตัวเลขการใช้จ่ายและการลดหย่อนภาษี หลังจากมาตรการดังกล่าวผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรไปแล้วเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มการเงินพุ่งขึ้นนำตลาดจากแรงซื้อของนักลงทุนที่เฝ้ารอการปรับมาตรารช่วยเหลือภาคธุรกิจธนาคาร ซึ่งนายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐและเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆกำลังดำเนินการปรับรายละเอียดที่กำหนดไว้ในกองทุนช่วยเหลือภาคการเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์ โดยคาดว่านายไกธ์เนอร์จะประกาศถึงความเคลื่อนไหวดังกล่าวในวันจันทร์นี้
นักลงทุนจับตาความเคลื่อนไหวของรัฐบาลและไม่มีปฏิกิริยาต่อการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจในแง่ลบ โดยเมื่อคืนนี้กระทรวงแรงงานเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานประจำเดือนม.ค. ทำสถิติดิ่งลงหนักสุดในรอบ 35 ปีที่ 598,000 ตำแหน่ง และรุนแรงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 524,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานพุ่งขึ้นแตะระดับ 7.6% เมื่อเทียบกับระดับ 7.2% ในเดือนธ.ค. และทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปี 2535
แดน คุ๊ก นักวิเคราะห์จากไอจี มาร์เกตส์ ในชิคาโกกล่าวว่า "ขณะนี้ทุกคนกำลังจับตามาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจสหรัฐ และหวังว่าข้อมูลเศรษฐกิจจากตลาดแรงงานที่เลวร้ายจะชี้นำให้วุฒิสภาเห็นชอบมาตรการที่นายโอบามาได้เสนอไป ซึ่งนักลงทุนต้องการให้วุฒิสภาผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับนี้ แม้ว่าแผนการดังกล่าวอาจต้องใช้เวลานานกว่าที่เห็นผล แต่อย่างน้อยก็สามารถกำหนดทิศทางของเศรษฐกิจได้ และในทางกลับกัน ตลาดหุ้นจะดิ่งลงอย่างหนัก หากวุฒิสภาไม่เห็นชอบกับแผนการฉบับนี้"
อย่างไรก็ตาม คุ๊กกล่าวว่า แผนการนี้อาจไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ในช่วงข้ามคืน แต่อย่างน้อยก็จะช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นผู้บริโภคกลับคืนมาได้ หลังจากที่ผู้บริโภคเริ่มรัดเข็มขัดเพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย จนทำให้ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคที่เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจนั้นดิ่งลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มสถาบันการเงินที่ปิดพุ่งขึ้นได้แก่ หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา คอร์ปซึ่งทะยานขึ้น 26.7% หุ้นเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค เดินหน้า 12.6% ขณะเดียวกัน หุ้นกลุ่มค้าปลีกอย่างเมซีย์ อิงค์ ปิดไต่ระดับขึ้น 10.9%