KMC ยกเลิกขายหุ้นเพิ่มทุนให้พันธมิตรตปท.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 10, 2009 12:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิรัตน์ เอี้ยวอักษร กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บมจ.กฤษดามหานคร(KMC) เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์"ว่า ขณะนี้บริษัทได้ยกเลิกแผนการขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 1.5 พันล้านบาทให้กับพันธมิตรต่างประเทศแล้ว เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวทำให้พันธมิตรต้องการที่จะรักษาสภาพคล่องตัวเองไว้ แม้ว่าจะเคยได้เจรจากันมาแล้วตั้งแต่ช่วง ส.ค-ก.ย.51

อย่างไรก็ตาม การที่พันธมิตรยกเลิกเข้ามาร่วมุทุนคงจะกระทบต่อแผนการดำเนินงานที่อาจเติบโตได้ช้าลงกว่าที่ตั้งใจไว้ แต่การที่บริษัทระมัดระวังมาโดยตลอดและไม่ได้มีการขยายการลงทุนในช่วงที่ผ่านมาจึงถือว่ามีความปลอดภัยทางธุรกิจพอสมควร

"ตอนนี้พันธมิตรได้ยกเลิกที่จะเข้าร่วมทุนกับเรา และเราก็เข้าใจภายใต้สภาวะเช่นนี้ใครจะเข้ามา แต่ก็ไม่เป็นไร กลับเป็นเรื่องที่โชคดีต่อบริษัท เพราะที่ผ่านมาเราก็เดินของเราเองอย่างระมัดระวัง ทำให้เราสบาย ๆ

...แต่เราก็ไม่ได้ปิดกั้นหากใครสนใจที่จะเข้ามา เพียงแต่บริษัทจะต้องขอมติผู้ถือหุ้นใหม่เพราะเพิ่มทุนครั้งนี้ได้ครบ 1 ปีแล้ว ส่วนจะดำเนินการใหม่หรือไม่คงพิจารณาอีกครั้งและเงื่อนไขก็เปลี่ยนแปลงได้"นายวิรัตน์ กล่าว

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบริษัทได้มีการทยอยการดูแลสถานะบริษัทหรือการประคับประคองไว้ แม้จะไม่สามารถเติบโตได้เร็วอย่างที่วางแผนไว้ภายใต้ที่บริษัทน่าจะได้พันธมิตรเข้ามาร่วมงาน รวมทั้งการปรับกลยุทธ์โดยเฉพาะการพัฒนาบ้านแนวราบให้มีขนาดเล็กลงจากเดิม ซึ่งเป็นแผนงานในปี 51 และจะต่อเนื่องในปี 52 ซึ่งจะกระตุ้นผู้บริโภคและยังเป็นการรักษายอดขายในปี 52 ให้เดินได้

อย่างไรก็ตาม ในการปรับขนาดบ้านให้เล็กลงจะเป็นการปรับในเฟสใหม่หรือโครงการที่เปิดใหม่ เพราะจะทำให้ระดับราคาขายลดลงมาด้วยจากระดับราคาบ้านที่เคยอยู่ที่ 5 ล้านบาท ก็จะมาอยู่ที่ประมาณ 3-4 ล้านบาท เพื่อให้เข้าถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคได้มากขึ้นตามภาวะตลาดปัจจุบัน และยังเป็นการรองรับความต้องการของลูกค้าระดับกลางที่เพิ่มขึ้น

นายวิรัตน์ กล่าวต่อว่า บริษัทคงไม่มีการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ แต่จะเป็นลักษณะการขยายเฟสเดิมที่มีอยู่เพิ่ม เช่น โครงการย่านรังสิต 42 ที่จะเปิดเฟส 2, โครงการที่บางบัวทองพระราม 5 ที่จะเพิ่มเฟส 4 วงแหวน-อ่อนนุช 48 เป็นต้น

แต่ก็เชื่อว่าบริษัทยังสามารถเติบโตได้ในปีนี้ เพราะบริษัทมียอดขายรอโอน(backlog)ประมาณ 400-500 ล้านบาทที่รอรับ และบริษัทก็วางเป้าหมายยอดขายแค่เพียงใกล้เคียงปีที่ผ่านมาที่ 1.0-1.2 พันล้านบาทถือเป็นระดับที่พอใจ ขณะเดียวกัน บริษัทก็มีที่ดินประมาณ 200-300 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอรองรับโดยที่ไม่ต้องซื้อเข้ามาเพิ่มในระยะเวลา 3 ปี



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ