DCC เพิ่มเอเย่นต์-ตลาดนัดดันยอดขายปีนี้โตกว่า 10%,ปันผลปี 51 เข้าบอร์ดเม.ย.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 11, 2009 12:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ไดนาสตี้เซรามิค(DCC)เตรียมเดินกลยุทธ์กระตุ้นยอดขายในปีนี้ด้วยการเพิ่มตัวแทนจำหน่าย(เอเย่นต์)ทั้งเอเย่นต์ทางตรงและทางอ้อม พร้อมทั้งเพิ่มการจัดตลาดนัดกระเบื้องในต่างจังหวัดอีกราว 5-10 แห่ง เพื่อผลักดันยอดขายให้เติบโตได้ตามเป้า 10% ซึ่งเชื่อว่าไม่น่าจะยากเพราะออร์เดอร์ยังมีเข้ามต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี

นายชนะ สุทธิหวังเจริญ กรรมการ DCC เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทมีแผนจะเพิ่มเอเย่นต์ทางตรงเป็นประมาณ 150 ราย จากปีก่อนที่มีประมาณ 110-120 ราย และเอเย่นต์ทางอ้อม คือ ลูกค้าที่ขายส่งที่เป็นเอเย่นต์ระดับกลาง-ล่างที่ปัจจุบันที่อยู่ประมาณ 600 กว่าแห่งก็คาดว่าคงเพิ่มขึ้นด้วย

นอกจากนี้ ในปีนี้ยังวางแผนที่จะเพิ่มตลาดนัดอีก 5-10 แห่งโดยเฉพาะในต่างจังหวัด ซึ่งเป็นตลาดหลักของ DCC เพราะมองว่าหากมีตลาดนัดที่ไหนที่นั้นต้องมียอดขายเพิ่มขึ้นแน่นอน โดยบริษัทมีทีมงานสำรวจพื้นที่(เซอร์เวย์)เพื่อออกไปสำรวจพื้นที่ที่มีชุมชนหนาแน่น ก็จะไปจัดตลาดนัดเพื่อรองรับกำลังซื้อในพื้นที่ต่าง ๆ คาดว่าจะใช้งบแห่งละ 3-5 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม นายชนะ ยังเชื่อมั่นว่าสถานการณ์ในปีนี้คงจะไม่ได้เลวร้ายต่อธุรกิจของ DCC มากนัก แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจโดยรวมจะชะลอตัว เพราะตั้งแต่ต้นปียังมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องทั้งจากลูกค้าประจำและลูกค้าขาจร ซึ่งคาดว่าผล ประกอบการไตรมาส 1/52 จะออกมาดีกว่างวดเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 1,459.8 ล้านบาท เป็นไป seasonal ของบริษัท

นายชนะ กล่าวว่า ถึงแม้ว่าจะมีคนมองว่าแนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปีนี้ไม่น่าจะดีอย่างที่คาด ก็ไม่น่าจะส่งผลต่อการขายกระเบื้องของ DCC เพราะปกติยอดขายก็มักจะสวนทางกับวิกฤติอยู่ตลอด เหมือนอย่างในปีก่อนที่อสังหาฯไม่ได้ดีมาก แต่ยอดขายก็ยังเพิ่มขึ้นได้ประมาณ 14-15% และปีนี้ก็คิดว่ายอดขายคงต้องเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10% เนื่องจากตลาดส่วนใหญ่ยังอิงตลาดระดับกลาง-ล่างที่ยังมีกำลังซื้อสูงมาก และมักจะเป็นการใช้ซ่อมแซมต่อเติมบ้าน ส่วนโครงการใหม่ๆ ก็มีบ้างแต่น้อย

"ปีนี้กำไรคงจะโตไม่น้อยกว่า 10% เหมือนยอดขายที่จะโต 10% เพราะปีที่แล้วยอดขายเราโตขึ้น 14% แต่กำไรโต 15% ปีนี้ยอดขายเราโตขึ้น 10% กำไรก็คงจะต้องมากกว่า 10% ที่เราตั้งเป้าไว้"นายชนะ กล่าว

อนึ่ง ยอดขายในปี 50 อยู่ที่ประมาณ 5,089 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 666 ล้านบาท

นายชนะ กล่าวว่า ปีนี้น่าจะดีกว่าปีก่อน เพราะรัฐบาลใช้มาตรการภาษีกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เริ่มจากบ้านใหม่ และมีแนวโน้มว่าจะช่วยบ้านมือสองในเร็ว ๆ นี้ ขณะที่ปีก่อนยังไม่มีนโยบายนี้เข้ามาช่วยกระตุ้น เพราะฉะนั้นอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้น่าจะดีกว่าปีที่แล้วถ้ารัฐบาลเข้ามาช่วยอย่างจริงจัง ประกอบกับเราได้ขยายตลาดนัดเพิ่มอีก 5-10 แห่ง ถ้าผสมกันแล้วที่เราตั้งเป้าหมายไว้เป็นสิ่งที่เป็นไปได้อยู่แล้ว

นอกจากนั้น ในส่วนอัตรากำไรขั้นต้น(gross profit margin)ปีนี้คาดว่าจะใกล้เคียงปีก่อนที่ประมาณ 38-39% แต่ต้องดูในด้านต้นทุนด้วย ซึ่งขณะนี้ต้นทุนราคาน้ำมันและแก๊สปรับลดลง ยิ่งส่งผลดีต่อเรา เพราะทำให้ต้นทุนถูกลง ทำให้มีโอกาสที่น่าจะมีกำไรสูงขึ้นด้วย

นายชนะ ยังกล่าวอีกว่า ในแง่กำลังการผลิตปีนี้ยังมีช่องว่างเหลืออยู่เช่นเดียวกับปีก่อนที่ภาพรวบางเดือนก็ 100% บางเดือนที่เป็น low season ก็ใช้กำลังผลิตไม่ถึง 100% บางเดือนอาจจะอยู่ที่ 80-90% เพราะฉะนั้น ถ้าปีนี้ดีขึ้นกำลังผลิตยังเหลืออยู่ไม่น่าจะมีปัญหา

ผู้บริหาร DCC กล่าวถึงนโยบายการจ่ายเงินปันผลว่า จะเป็นไปตามการเติบโตของกำไร หากสามารถทำกำไรได้เพิ่มขึ้นก็จะต้องปันผลมากขึ้น เพราะบริษัทมีนโยบายจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 70% ของกำไรสุทธิ ซึ่งที่ผ่านมาเงินปันผลของ DCC จะเพิ่มขึ้นมาตลอด และมีการจ่ายทุกไตรมาส โดยคาดว่าในปี 51 จะจ่ายปันผลได้ราว 1.25 บาท/หุ้น

"นโยบายนี้แน่นอนจะจ่ายปันผลทุกไตรมาสและจ่ายไม่ต่ำกว่า 70% ของกำไรสุทธิ แค่ปันผลก็คุ้มแล้ว เพราะพาร์ 1 บาท ปันผลปี 50 จ่าย 1 บาท, ปี 51 ที่เราเสนอจะต้องรอประชุม ตอนนี้แค่ 3 ไตรมาสก็จ่ายไป 0.97 บาทแล้วและที่คิดว่าจะมีประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในปลายเดือนเม.ย.นี้คาดว่าจะขอจ่ายอีก 0.28 บาทสำหรับไตรมาส 4/51 ถ้าได้รับอนุมัติก็คงจะเป็น 1.25 บาท เกินพาร์ไป 0.25 บาท ผู้ถือหุ้นก็ต้อง happy และปี 52 นี้ถ้ากำไรเยอะก็ยังจะจ่ายเยอะ"นายชนะ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ