ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 50.65 จุด จากข่าววุฒิสภายอมรับแผนฟื้นศก.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 12, 2009 06:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (11 ก.พ.) หลังจากสมาชิกวุฒิสภาบรรลุกข้อตกลงประนีประนอมมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 7.89 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งทำให้นักลงทุนมั่นใจว่ารัฐบาลสหรัฐจะสามารถยับยั้งเศรษฐกิจภาวะถดถอยได้

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 50.65 จุด หรือ 0.64% แตะที่ 7,939.53 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 6.58 จุด หรือ 0.80% แตะที่ 833.74 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดดีดขึ้น 5.77 จุด หรือ 0.38% แตะที่ 1,530.50 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.36 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 3 ต่อ 2 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตคลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.24 พันล้านหุ้น

แอนโทนี คอนรอย นักวิเคราะห์จากบีเอ็นวาย คอนเวิร์จเอ็กซ์ กรุ๊ป กล่าวว่า "ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กผันผวนตั้งแต่ช่วงเปิดทำการซื้อขาย เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ผิดหวังที่กระทรวงการคลังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเรื่องการแก้ไขหรือจัดการกับสินทรัพย์ด้อยคุณภาพในระบบการเงิน"

เมื่อวานนี้ ทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐ ประกาศแผนช่วยเหลือภาคการเงินมูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งแผนการดังกล่าวครอบคลุมถึงการซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพของธนาคารและจูงใจนักลงทุนเอกชนให้เข้าซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์ อีกทั้งพยายามลดการยึดบ้านติดจำนอง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนมองว่าแผนการดังกล่าวไม่ได้แจกแจงรายละเอียดเรื่องการแก้ไขปัญหาในระบบการเงิน และเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ

"แต่ต่อมาในช่วงบ่าย ตลาดเริ่มรีบาวด์หลังจากนายแฮร์รี รีด ผู้นำเสียงข้างมากของวุฒิสภาสหรัฐเปิดเผยว่า สมาชิกวุฒิสภาบรรลุข้อตกลงประนีประนอมมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 7.89 แสนล้านดอลลาร์ โดยยอมประสานความแตกต่างระหว่างร่างกฏหมาย 2 ฉบับซึ่งได้ผ่านการอนุมัติจากสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา โดยคาดว่าการลงมติต่อร่างกฏหมายกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับสุดท้ายอาจจะมีขึ้นอย่างเร็วในวันพฤหัสบดีนี้" คอนรอยกล่าว

ประธานาธิบดีบารัค โอบามา กล่าวให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “Nightline" ทางสถานีโทรทัศน์ ABC ว่า มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจสหรัฐต้องอาศัยเวลานานพอควรจึงจะเห็นผล แต่วิธีที่ดีที่สุดในการเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนและผู้จ่ายภาษีให้กลับมาได้คือ การบริหารงานที่ยึดหลักโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากที่ผ่านมาธนาคารบางแห่งบริหารจัดการสินทรัพย์ไม่ค่อยโปร่งใสมากนัก แต่ขณะนี้ธนาคารจำเป็นต้องเปิดเผยตัวเลขขาดทุนให้ชัดเจน มิเช่นนั้นทางรัฐบาลจะไม่สามารถดึงเม็ดเงินลงทุนภาคเอกชนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้เลย

หุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 9.2% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ดีดตัวขึ้น 6% และหุ้นสเตท สตรีท คอร์ป บวก 7% ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 2.1% และหุ้นเดวอน เอนเนอร์จี คอร์ป ร่วงลง 6.4%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ