โบรกฯเชียร์"ซื้อ" DELTA มองจ่ายปันผลสูง-ฐานะแข็งแกร่ง-ราคาหุ้นถูก

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 12, 2009 10:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์หนุน"ซื้อ"หรือ"ทยอยสะสม"หุ้นบมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์(ประเทศไทย)หรือ DELTA แม้ปี 52 ธุรกิจชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จะรับผลกระทบจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจโลก ซึ่งอาจทำให้กำไรปีนี้ลดลงจากปีก่อนกว่า 10% มาอยู่ที่ประมาณ 2.5 พันล้านบาท แต่ระยะยาวเชื่อว่าแนวโน้มธุรกิจจะยังเติบโตต่อเนื่อง ประกอบกับฐานะการเงินแข็งแกร่งและเป็นหุ้นจ่ายปันผลสูง โดยปี 51 คาดว่าจะจ่ายเงินปันผล 1.00-1.20 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลมากกว่า 10% นอกจากนี้ มองว่าเป็นจังหวะเข้าลงทุน เพราะราคาหุ้นปรับลงสะท้อนข่าวลบไปมากแล้ว

          โบรกเกอร์           คำแนะนำ          ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          บล.ทิสโก้             ซื้อ               14.80
          บล.กิมเอ็ง           ซื้อลงทุน            14.50
          บล.ฟิลลิป             ซื้อ               13.50
          บล.ยูไนเต็ด          ทยอยสะสม          12.15
          บล.เกียรตินาคิน        ซื้อ               12.00
          บล.กรุงศรีอยุธยา      เก็งกำไร           10.10

นายสิทธิเดช ประเสริฐรุ่งเรือง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.กรงศรีอยุธยา กล่าวว่า จากการเข้าพบผู้บริหาร DELTA ระบุว่าจะไม่ใช้นโยบายก่อหนี้ในการขยายการลงทุน แต่ยังคงหาโอกาสในการเข้าซื้อกิจการอยู่ ทำให้ต้องสำรองเงินสดไว้มากกว่าภาวะปกติ เราจึงปรับลดสมมติฐานการจ่ายเงินปันผลลงเหลือเพียง 1.20 บาทต่อหุ้นสำหรับผลประกอบการปี 51-53 ลดจาก 1.30-1.40 บาทจากที่คาดการณ์เดิมคิดเป็นอัตราการจ่าย 53-60% ลดจาก 65% ของกำไรสุทธิ

DELTA มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีเงินสดสุทธิในงบการเงินกว่า 6.5 พันล้านบาท ณ สิ้น ก.ย.51 แต่ภาวะความผันผวนในอุตสาหกรรมทำให้ DELTA มีความระมัดระวังมากขึ้นในการบริหารเงินสด

แต่ยังมองเชิงบวกในภาพระยะยาวของผลประกอบการบริษัทยังดีอยู่ โดยมองว่าครึ่งแรกปี 52 ประเมินทิศทางยากแต่คงปรับลดลง อาจจะต้องรอในช่วงครึ่งปีหลังผลประกอบการอาจจะฟื้น

"แนะนำเทรดดิ้ง หมายความว่าหาจังหวะซื้อตอนราคาหุ้นลงไปแรงๆ ให้เล่นระยะสั้นๆ ซึ่งคิดว่าผลประกอบการครึ่งปีหลังรู้ทิศทางชัดเจนแล้ว ครึ่งปีแรกยังอยู่นอกฤดูกาลส่งออก ผลประกอบการยังคาดการณ์ได้ยาก"นายสิทธิเดช กล่าว

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจของบริษัทที่ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์นั้นภาพรวมคงไม่ดี แม้จะยังประเมินไม่ได้ว่าไม่ดีระดับใด แต่การประมาณการอย่าง conservative มองว่ากำไรสุทธิปีนี้จะลดลง 14% มาที่ 2,513 ล้านบาท และปี 53 กำไรจะฟื้นมาเล็กน้อยที่ 2,558 ล้านบาท โดยตั้งสมมติฐานยอดขายสกุลดอลลาร์สหรัฐปีนี้ลดลง 2%(ผู้บริหารคาดการณ์ยอดขายทรงตัว)และเพิ่มขึ้น 8% ในปี 53

ส่วนนักวิเคราะห์ บล.ยูไนเค็ด ปรับเพิ่มคำแนะนำจาก"ถือ"เป็น"ทยอยสะสม"ปัจจัยหลักมาจากราคาหุ้นได้ปรับตัวลงสะท้อนปัจจัยลบมากมากแล้ว โดยราคาลงไปต่ำสุดในรอบ 11 ปี และเทรดต่ำกว่ามุลค่าทางบัญชี(Book Value)ซึ่งอยู่ที่ 12.91 บาท/หุ้น ขณะที่บริษัทมีฐานะการเงินแข็งแกร่งเป็นบริษัทที่ถือเงินสดมากกว่าหนี้สิน หรือ Net Cash Company

ส่วนการจ่ายเงินปันผลปี 51 คาดว่าจะจ่ายในอัตราหุ้นละ 1.00 บาท ต่ำกว่าปี 50 ที่จ่ายในอัตราหุ้นละ 1.60 บาท เนื่องจากบริษัทต้องการเก็บเงินสดไว้สำรองการลงทุนต่อไป

มองแนวโน้มธุรกิจของบริษัทในปีนี้ยากที่หลีกเลี่ยงผลกระทบภาวะเศรษฐกิจโลก ทำให้ผลประกอบการปีนี้อ่อนตัวลงไป คาดว่ากำไรสุทธิปี 52 จะลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 2.5 พันล้านบาท จากปี 51 มีกำไร 2.8 พันกว่าล้านบาท หรือลดลงกว่า 10% เพราะดีมานด์ของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ลดลง กระทบต่อคำสั่งซื้อของบริษัท

"มองว่าราคาหุ้นลงไปสะท้อนข่าวลบไปเยอะแล้ว โดยผลประกอบการปีนี้แย่เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจ เป็นปัจจัยหลัก แต่ก็น่าเก็บหุ้นตัวนี้ เหมาะสำหรับคนที่ชอบหุ้น dividend ที่ค่อนข้างสูง ฐานะการเงินก็ค่อนข้างปลอดภัย"นักวิเคราะห์ กล่าว

บทวิเคราะห์ของ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)คาดว่าปี 51 กำไรปกติของ DELTA จะขยายตัว 4% จากปีก่อนหน้าเป็น 2,945 ล้านบาทหรือ 2.36 บาท/หุ้น และมีกำไรสุทธิ 2,898 ล้านบาท แม้คาดว่ายอดขายจะลดลง 3% เป็น 3.28 หมื่นล้านบาท เนื่องมาจากการหยุดธุรกิจจอมอนิเตอร์เป็นหลัก

ขณะที่ DELTA มีฐานะการเงินแข็งแกร่งมากด้วยเงินสดสุทธิ 6.5 พันล้านบาทหรือ 5.25 บาท/หุ้น ณ ไตรมาส 3/51

อย่างไรก็ดี ผู้บริหารมีแนวโน้มที่จะเก็บสะสมเงินสดจำนวนมากพร้อมรับการชะลอตัวของเศรษฐกิจที่มักจะสร้างโอกาสให้กับผู้ที่มีฐานทุนแข็งแกร่งในการเข้าซื้อกิจการบริษัทที่มีฐานะการเงินอ่อนแอ หรือเข้าขยายส่วนแบ่งตลาดแทนที่บริษัทที่อ่อนแอนั้น ๆ ดังนั้น คาดว่าบริษัทจะจ่ายเงินปันผลในอัตราต่อกำไรที่ลดลงจาก 63% ในปี 50 เป็น 52% ในปี 51 เป็นจำนวน 1.20 บาท/หุ้น (ปรับลดจากประมาณการเดิม 1.30 บาท/หุ้น) ซึ่งยังคงให้อัตราตอบแทนถึง 12.6% ณ ราคาหุ้นปัจจุบัน

ส่วนปี 52 ในครึ่งแรกของปีนี้เป็นช่วงที่อุตสาหกรรมอิเล็คทรอนิกส์จะอ่อนแอที่สุด ทั้งจากการได้รับผลกระทบของเศรษฐกิจโลกเต็มที่และเป็นช่วง low season ซึ่งเชื่อว่า DELTA จะประสบภาวะนี้เช่นกัน แต่ระดับผลกระทบจะต่ำกว่าบริษัทที่เน้นสินค้ากลุ่ม consumer electronics เนื่องจากความต้องการในกลุ่ม network และโครงสร้างโทรคมนาคมยังถือว่าแข็งแกร่ง จึงคาดการณ์กำไรปกติของ DELTA ที่ 2.58 พันล้านบาทหรือ 2.07 บาท/หุ้นในปีนี้ ถือเป็นการลดลง 11% จากปีที่แล้ว

แม้ว่าอุตสาหกรรมจะมีแนวโน้มชะลอตัวอีกในครึ่งแรกของปีนี้ หุ้น DELTA ยังน่าสนใจสำหรับระยะยาว ด้วยการขยายธุรกิจอย่างไม่หยุดยั้งทั้งด้านพัฒนาเทคโนโลยีและการขยายตลาดใหม่ รวมทั้ง ฐานะการเงินที่แข็งแกร่งมาก แนวโน้มการเติบโตดีในระยะยาวและอัตราเงินปันผลตอบแทนสูง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ