นายวิโรจน์ มาวิจักขณ์ กรรมการอำนวยการ บมจ.ไทยออยล์(TOP)กล่าวว่า ในปี 52 บริษัทมั่นใจว่าผลประกอบการจะเป็นกำไรสุทธิ เนื่องจากประเมินว่าราคาน้ำมันไม่น่าจะปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงเหมือนช่วงไตรมาส 4/51 และเริ่มต้นปีบริษัทมีต้นทุนน้ำมันที่ 40 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งถือว่าต่ำมาก จึงไม่น่าจะเกิดขาดทุนสต็อกน้ำมันในปีนี้ และในไตรมาส 1/52 จะไม่มีผลขาดทุนสต็อกน้ำมันเหมือนกับที่เกิดขึ้นในไตรมาส 4/51 แล้ว
ส่วนยอดขายหรือรายได้จากการขายปี 52 ก็มั่นใจจะสูงจากปีก่อนที่มียอดขาย 3.99 แสนล้านบาท เนื่องจากบริษัทจะมุ่งเน้นการขายในประเทศ ซึ่งได้ราคาสูงกว่าส่งออก ประกอบกับ บริษัทยังเดินกำลังการกลั่นเต็มที่
"ไตรมาส 1 ก็มั่นใจผลประกอบการของบริษัทจะออกมาดีและมีกำไร แม้ว่าไตรมาส 4 ปีที่แล้วจะขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน ซึ่งถือว่าสูงเป็นประวัติการณ์ แต่ไม่น่าจะเกิดขึ้นอีก เพราะปีนี้นักวิเคราะห์ประเมินว่าครึ่งปีแรกราคาน้ำมันจะไม่ต่ำกว่า 40-50 เหรียญฯต่อบาร์เรล แต่เรามีต้นทุนแค่ 40 เหรียญฯ" นายวิโรจน์ กล่าว
อนึ่ง ในไตรมาส 4/51 TOP ขาดทุน 8,394 ล้านบาท จากผลขาดทุนสต็อกน้ำมัน 1.7 หมื่นล้านบาท และ ในปี 51 กำไรสุทธิ 223.57 ล้านบาท ลดลงจากปี 50 ที่มีกำไรสุทธิสูงถึง 19,117.56 ล้านบาท
สำหรับปี 52 บริษัทตัดสินใจที่จะชะลอแผนการลงทุนขนาดใหญ่ออกไปทั้งหมด โดยเฉพาะโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมัน เหลือเพียงโครงการขนาดเล็ก 1-2 โครงการที่ใช้เงินลงทุนประมาณโครงการละ 30 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือรวมกันราว 60 ล้านเหรียญสหรัฐ
ขณะที่บริษัทยังไม่มีแผนออกหุ้นกู้เพิ่มเติมอีกในปีนี้แม้ว่าล่าสุดวานนี้คณะกรรมการบริษัทจะได้อนุมัติวงเงินสำหรับออกหุ้นกู้ 500 ล้านเหรียญ เนื่องจากบริษัทเพิ่งออกหุ้นกู้จำนวน 1.2 หมื่นล้านบาทที่เปิดขายช่วงวันที่ 10-12 ก.พ.ถือว่าเป็นยอดจองที่สูงจากเดิมที่จะเสนอขายจำนวน 5 พันล้านบาท เพราะนักลงทุนต้องการซื้อสูงถึง 2 เท่า ทำให้บริษัทมีสภาพคล่องที่ดี
และการออกหุ้นกู้ไม่ได้ทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) เพิ่มขึ้น เพราะบางส่วนนำรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ชุดเดิม