นักวิเคราะห์ในย่านวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีแนวโน้มซบเซาในสัปดาห์นี้ เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเรื่องผลประกอบการของบริษัทเอกชนและภาวะเศรษฐกิจถดถอย นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูร่างกฎหมายฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 7.87 แสนล้านดอลลาร์ที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เตรียมลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมาย
ในช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมา (ตามเวลาประเทศไทย) วุฒิสภาสหรัฐมีมติผ่านแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 7.87 แสนล้านดอลลาร์ ด้วยการลงคะแนนเสียง 60 ต่อ 38 จากนั้นจะมีการยื่นต่อให้กับประธานาธิบดีโอบามา เพื่อลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป
แผนฟื้นฟูฉบับดังกล่าวผ่านการต่อรองและอภิปรายจากทั้งวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรมาตลอดสัปดาห์ที่แล้ว จนในที่สุดสมาชิกของทั้ง 2 สภายอมประนีประนอมและประสานมุมมองอันแตกต่างที่มีต่อแผนฟื้นฟูฉบับนี้ ซึ่งสร้างความพอใจให้กับนางแนนซี เพโรซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ และประธานาธิบดีโอบามาเป็นอย่างยิ่ง เพราะโอบามาคาดหวังกับแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและเชื่อว่าจะกระตุ้นการสร้างงานได้ถึง 3.5 ล้านตำแหน่ง
แฮร์รี่ คล้ากส์ นักวิเคราะห์จากบริษัท คล้ากส์ แคปิตอล เมเนจเมนท์ กล่าวว่า นอกเหนือจากแผนฟื้นฟูวงเงิน 7.87 แสนล้านดอลลาร์แล้ว นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคาร ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์คจะเปิดเผยผลสำรวจภาคการผลิตเดือนก.พ. และสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (เอ็นเอเอชบี) จะเปิดเผยดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.พ.
วันพุธ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนม.ค. และเฟดจะเปิดเผยรายงานการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินวันที่ 27-28 ม.ค. วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค. และสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด จะเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนม.ค. และวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนม.ค.
ทั้งนี้ ตลาดหุ้น, ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ และตลาดเงินนิวยอร์ก จะปิดทำการวันจันทร์ที่ 16 ก.พ. เนื่องในวันประธานาธิบดี สำนักข่าวเอพีรายงาน